คว้ายอดจำหน่ายสูงสุดทั้งรถครอบครัว-เอ.ที.-สปอร์ต คาดปี 2022 ตลาดเติบโตต่อเนื่อง ตั้งเป้าโต 5% ชูศักยภาพฐานผลิตและส่งออกรถจักรยานยนต์และเครื่องยนต์อเนกประสงค์ที่สำคัญของฮอนด้าสู่ตลาดโลก
ไทยฮอนด้า ประกาศตัวเลขยอดจำหน่ายรถจักรยานยนต์ฮอนด้าในประเทศไทย ประจำปี 2021 ทำได้รวม 1.236 ล้านคัน คว้าแชมป์ยอดขายอันดับหนึ่งในไทยต่อเนื่องถึง 33 ปีซ้อน พร้อมครองตำแหน่งรุ่นรถยอดนิยมอันดับที่ 1 ทุกเซกเม้นต์ คาดตลาดรวมในปีนี้จะเติบโตอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่ไทยฮอนด้าพร้อมเดินหน้าเสริมความแข็งแกร่งด้วยผลิตภัณฑ์และบริการหลังการขายที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ ตั้งเป้าเติบโต 5% ในปี 2022
มร.ชิเกโตะ คิมูระ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ไทยฮอนด้า แมนูแฟคเจอริ่ง จำกัด กล่าวว่า “ภาพรวมตลาดรถจักรยานยนต์ไทยในปี 2021 ที่ผ่านมา มีทิศทางการเติบโตที่ดีขึ้น โดยฮอนด้าสามารถรักษาความเป็นผู้นำตลาดไว้ได้อย่างต่อเนื่อง ครองแชมป์ยอดขายอันดับหนึ่งเป็นปีที่ 33 ติดต่อกัน ด้วยยอดจดทะเบียน 1,236,476 คัน จากยอดรวมของประเทศ อยู่ที่ 1,611,078 คัน”
“เมื่อมองตัวเลขในแต่ละเซกเม้นต์ เราพบว่ารถครอบครัวยังคงเป็นกลุ่มที่ได้รับความนิยมมากที่สุด มีส่วนแบ่งการตลาดอยู่ที่ 52% โดยมี Honda Wave110i ครองอันดับหนึ่ง ด้วยยอดจำหน่ายสูงสุดในตลาด อยู่ที่ 530,408 คัน ในขณะที่กลุ่มรถ เอ.ที. มีการเติบโตขึ้นมาจนมีส่วนแบ่งเพิ่มขึ้นอีก 1% แตะระดับ 43% โดยมี Honda Scoopy ที่ทำยอดจำหน่ายสูงที่สุดในกลุ่มนี้ ด้วยยอดขาย 180,914 คัน ส่วนกลุ่มรถสปอร์ตมีส่วนแบ่งตลาดอยู่ที่ 5% โดยมี Honda CRF300L เป็นรุ่นรถสปอร์ตอันดับที่ 1 ด้วยยอดขาย 6,944 คัน”
มร.ชิเกโตะ กล่าวต่อว่า “ตลาดรถจักรยานยนต์ไทยในปีที่ผ่านมา ถือว่าเป็นไปในทิศทางที่ดี เพราะว่าเติบโตขึ้น 6% แสดงให้เห็นว่ารถจักรยานยนต์นั้นเป็นสินค้าที่มีความจำเป็นต่อวิถีชีวิตของคนไทย ทั้งในแง่ของการเดินทางและประกอบอาชีพ โดยเฉพาะรถในกลุ่ม เอ.ที. ถือเป็นกลุ่มที่ได้รับความนิยมสูงขึ้นเรื่อยๆ จากพฤติกรรมการบริโภคของคนรุ่นใหม่ที่ชื่นชอบรถที่ขับขี่ง่าย มีพื้นที่เก็บของ และมีรูปแบบให้เลือกอย่างหลากหลายตามไลฟ์สไตล์ของแต่ละคน รวมไปถึงการที่ภาครัฐมีการกระตุ้นเศรษฐกิจจากนโยบายต่างๆ อย่างต่อเนื่อง”
“ในปี 2022 เราคาดการณ์ว่าตลาดรถจักรยานยนต์ไทยจะเติบโตต่อเนื่อง ด้วยปัจจัยบวกต่างๆ จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ รวมถึงการปรับตัวของคนไทยส่วนใหญ่ที่เริ่มกลับมาดำเนินชีวิตภายใต้สถานการณ์โควิด-19 ได้แล้ว โดยมองว่าตลาดรวมจะเพิ่มขึ้นเล็กน้อยอยู่ที่ 1,644,391 คัน เติบโตขึ้น 2% ในขณะที่ฮอนด้าตั้งเป้าไว้ที่ 1,300,598 คัน หรือเติบโตสูงกว่าตลาด อยู่ที่ประมาณ 5%”
“นอกเหนือไปจากสภาพตลาดรถจักรยานยนต์ที่ดีขึ้นแล้ว ปีที่ผ่านมายังถือเป็นปีที่มีความสำคัญสำหรับไทยฮอนด้าเป็นอย่างมาก เพราะเป็นปีที่เราได้ควบรวมฝ่ายผลิตและฝ่ายขายเข้าไว้ด้วยกัน เพื่อดึงศักยภาพของทั้งสองฝ่ายมาตอบสนองความต้องการของตลาด โดยในวันนี้เราสามารถปรับไลน์การผลิตให้เข้ากับสถานการณ์ได้รวดเร็วขึ้น และสามารถส่งมอบบริการหลังการขายได้อย่างมีคุณภาพมากยิ่งขึ้นเช่นกัน”
“นอกจากรถจักรยานยนต์แล้ว ไทยฮอนด้ายังเป็นผู้ผลิตเครื่องยนต์อเนกประสงค์ (Power Products) อีกด้วย อย่างไรก็ตาม ศักยภาพของเราไม่ได้จำกัดอยู่เพียงแค่การผลิตและจัดจำหน่ายภายในประเทศเท่านั้น แต่เรายังมีศักยภาพอย่างสูงในการผลิตเพื่อส่งออกสู่ตลาดโลกด้วย โดยในปัจจุบัน ไทยฮอนด้าถือเป็นหนึ่งในฐานการผลิตและส่งออกรถจักรยานยนต์ รวมถึงเครื่องยนต์อเนกประสงค์ที่สำคัญของฮอนด้าไปยังตลาดโลก”
บริษัท ไทยฮอนด้า แมนูแฟคเจอริ่ง จำกัด มีศักยภาพในการผลิตรถจักรยานยนต์ได้มากถึงปีละ 1.76 ล้านคัน โดยมีสัดส่วนในการผลิตเพื่อตลาดในประเทศอยู่ที่ 82% ตลาดต่างประเทศ 18% และมีศักยภาพในการผลิตเครื่องยนต์อเนกประสงค์ได้มากถึงปีละ 2.7 ล้านเครื่อง แบ่งเป็นการผลิตเพื่อตลาดในประเทศ 7% และตลาดต่างประเทศอีก 93%
“ความพึงพอใจของลูกค้าคือเป้าหมายสูงสุดของไทยฮอนด้ามาโดยตลอด จากนี้ไป เราจะพยายามอย่างเต็มที่ในการดึงศักยภาพทั้งหมดที่เรามีเพื่อส่งมอบความสุขให้กับผู้ใช้ผลิตภัณฑ์ของเราอย่างไม่มีวันสิ้นสุด” มร.ชิเกโตะ กล่าวปิดท้าย