เติมความมั่นใจ ลงทุน 100 ล้านบาท ขึ้นโชว์รูมและศูนย์บริการแห่งใหม่
Brabus Thailand by Target Car Center Thailand ประสบความสำเร็จจากงานมอเตอร์โชว์ 2023 อย่างดี ต่อเนื่องความสำเร็จด้วยการจัดกิจกรรม Brabus Thailand Mini Motorshow 2023 เพื่อสร้างเครือข่ายที่ดีกับลูกค้าอย่างต่อเนื่อง และเปิดโอกาสให้ลูกค้าได้สัมผัสประสบการณ์สุดพิเศษจาก Brabus ไลฟ์สไตล์แบบเต็มรูปแบบ ทั้งรถยนต์ มอเตอร์ไซค์ และเรือสุดหรูจาก Brabus Marine ณ บรีซ คาเฟ่ ริมทะเลสาบ เมืองทองธานี ในวันเสาร์ที่ 27 พฤษภาคมที่ผ่านมา เสริมความเชื่อมั่นด้วยการลงทุน 100 ล้านบาท ขึ้นสำนักงานใหญ่พร้อมศูนย์บริการครบวงจร บนถนนพระราม 3 คาดเปิดบริการปลายปีนี้
นายชัชวัฏ สุวรรณโณชิน กรรมการผู้จัดการ Brabus (Thailand) by Target Car Center (Thailand) เปิดเผยถึง บราบัส ไทยแลนด์ว่า “ปีนี้ เราได้รับแรงสนับสนุนจากบราบัส เยอรมันเป็นอย่างดี เปิดโอกาสให้จัดกิจกรรมการตลาดและการขายอย่างเต็มที่ เพื่อสร้างการรับรู้ของผู้บริโภค และเครือข่ายที่ดีกับลูกค้าอย่างต่อเนื่อง หลังจากประสบความสำเร็จจากการเป็นบูทที่มีผลิตภัณฑ์ในบูทรวมมูลค่าสูงที่สุดในงานบางกอกอินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ที่ผ่านมา ซึ่งเราได้รับการตอบรับจากตลาดดีมาก การจัด Brabus Thailand Mini Motor show 2023 ในครั้งนี้ เป็นการตอกย้ำถึงความต้องการของลูกค้าและผู้ที่สนใจได้รับรู้และเข้าใจถึงว่า บราบัส ไทยแลนด์ พร้อมเดินหน้าธุรกิจอย่างมั่นคง และเตรียมคัดสรรโปรดักส์ใหม่ๆเข้ามาให้ผู้บริโภคได้เลือกซื้อในหลากหลายโมเดลมากยิ่งขึ้น ตามที่ทาง Brabus เยอรมันได้มีจำหน่ายทุกผลิตภัณฑ์”
สำหรับกิจกรรมในครั้งนี้ นอกจากนำบราบัสในหลายๆโมเดลมาจัดแสดงแล้ว บริษัทฯ ได้เชิญคุณเฉลิมยศ ถาวโรฤทธิ์ ลูกค้าเหนี่ยวแน่นและยาวนานของบราบัส มาร่วมพูดคุยแลกเปลี่ยนถึงโปรดักซ์บราบัส “ร่วมถึงให้แง่คิดและมุมมองในการเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ใหม่ๆของบราบัส เพื่อเป็น Roadmapให้กับลูกค้าใหม่ๆได้นำมาใช้ในการพิจารณาตัดสินใจในการซื้ออีกด้วย”
ในส่วนของบราบัส ไทยแลนด์ นอกจากความพร้อมในเรื่องของโมเดลใหม่อีกมากมายแล้ว บริษัท ทาร์เกต คาร์ เซ็นเตอร์ (ไทยแลนด์) จำกัด กำลังขยายสำนักงานใหญ่และศูนย์บริการใหม่ เพื่อรองรับการเติบโตที่จะเกิดขึ้นในอนาคต บนพื้นที่ กว่า 2 ไร่บนถนนพระราม 3 คาดว่าจะเสร็จพร้อมให้บริการในปลายปีนี้ ซึ่งจะประกอบไปด้วยส่วนโชว์รูมที่จอดรถซูเปอร์คาร์หายาก และมีส่วนของ Brabus จัดแสดงให้ลูกค้าได้ชมทั้งรถและชุดแต่ง พร้อมส่วนรับรองลูกค้าสุดพิเศษ Exclusive Loungeให้ลูกค้าของบริษัทฯอีกด้วย
สำหรับรถยนต์รุ่นพิเศษส่วนหนึ่งที่นำมาจัดแสดงใน Brabus Thailand Mini Motor Show 2023 ครั้งนี้ประกอบด้วย
- Mercedes-AMG G63 x Brabus Widestar Package
Mercedes-AMG G63 x Brabus Widestar Package ตัวถังอันทรงพลังและพละกำลังเหนือใคร G-Wagon มีดีไซน์ที่ไม่เหมือนใคร รูปทรงที่ดูแข็งแกร่ง น่าเกรงขามและมีเสน่ห์ ที่ไม่ว่าจะผ่านไปกี่ยุคกี่สมัย G-Wagon ก็ยังคงรูปแบบเดิมไว้ เมื่อติดตั้งชุดแต่ง Widestar จาก Brabus บนตัวถังของรุ่นเรือธงอย่าง Mercedes-AMG G63 เสริมซุ้มล้อแบบขยายเพื่อเพิ่มความกว้างของตัวรถอีก 100 มม. และให้ภาพลักษณ์ที่โดดเด่น นอกจากนี้ยังมีไฟ LED ที่รวมอยู่ในบังโคลนหน้าและหลังเพื่อมอบแสงสว่างตรงบันไดข้าง ชุดแต่ง Brabus Widestar ยังรวมถึงชุดกันชนหน้าและหลังที่ได้รับการออกแบบใหม่ให้มีความดุดันและเข้ากับซุ้มล้อทั้ง 4 ก่อนจะปิดท้ายด้วยล้อ Monoblock ตามแบบฉบับ Brabus
Mercedes-AMG G63 มาพร้อมเครื่องยนต์ V8 เทอร์โบคู่ ขนาด 4.0 ลิตร ที่ให้กำลัง 585 แรงม้าและแรงบิด 850 นิวตันเมตร เชื่อมต่อกับเกียร์อัตโนมัติ 9 จังหวะ ไปยังทั้ง 4 ล้อ ผ่านระบบขับเคลื่อนแบบ AMG Performance ทำให้เจ้า SUV ทรงกล่องสไตล์คลาสสิคคันนี้ สามารถเร่งความเร็วจาก 0-100 กม./ชม. ได้ใน 4.5 วินาที พร้อมความเร็วสูงสุดที่ 250 กม./ชม.
Mercedes-AMG G63 เป็นรถยนต์อีกรุ่นหนึ่งของนักสะสมและผู้ที่ชื่นชอบรถยนต์ในสไตล์ที่ไม่เหมือนใครบนท้องถนน ซึ่ง Mercedes-AMG G63 ก็ตอบโจทย์ในทุกมิติ พร้อมสมรรถนะที่เหนือชั้นกว่ารุ่นอื่นๆ ที่สำคัญเหนือสิ่งอื่นใดยังมาพร้อมกับชุดแต่ง Brabus Widestar จากโรงงานของ Brabus
- Mercedes- Benz 280 SL Pagoda จากแผนก Brabus Classic
Mercedes-Benz 280 SL Pagoda By Brabus Classic ที่ Brabus นำรถคลาสิคคาร์ มาปลุกจิตวิญญานใหม่อีกครั้ง ซึ่งมีแฟน Mercedes-Benz มากมาย ที่ชื่นชอบและสะสม รถประเภทนี้ Brabus นำ Mercedes-Benz 280 SL Pagoda รถสปอร์ตคันแรกที่ใช้นวัตกรรมตัวถังนิรภัย ตั้งแต่ปี 1968 ถึง 1971 มาพัฒนาเพิ่มเติมออกจากสายการผลิต Roadster สองที่นั่งเปิดตัวด้วยความสะดวกสบายที่ไม่เหมือนใคร สมรรถนะยอดเยี่ยม และความปลอดภัยที่ไม่เคยมีมาก่อน สนนราคาค่าตัวที่ 30 ล้านบาท และมีเพียงคันเดียวในประเทศไทยจาก Brabusโดยตรง
- Brabus 92R
Brabus 92R คือซิตี้คาร์รุ่น Limited Edition ที่มีพื้นฐานมาจาก Smart EQ fortwo cabrio ที่ใช้ขุมพลังไฟฟ้า 100% แต่ได้รับการตกแต่งจาก Brabus ให้ดูดุดันและเหนือกว่าซิตี้คาร์ทั่วไป ด้วยล้อแบบสปอร์ตขนาด 16 นิ้วที่ด้านหน้าเเละ 17 นิ้วที่ด้านหลัง ส่วนการออกแบบด้านหน้าจะมาพร้อมช่องดักอากาศรังผึ้งขนาดใหญ่ 3 ช่อง, ดิฟฟิวเซอร์หน้า, การตกแต่งด้วยคาร์บอนไฟเบอร์รอบคันและระบบช่วงล่างแบบสปอร์ตที่ลดความสูงลง 25 มม.
มากับสีภายนอกพิเศษแบบ Tiffany blue การออกแบบภายในนั้นจะพบกับเบาะหนังสีเขียวอ่อนในคอนเซปท์ “Ultimate Ellipse” ของ Brabus, โลโก้ Brabus ที่พนักพิงศีรษะทั้ง 2 ฝั่ง, การตกแต่งด้วยคาร์บอนไฟเบอร์บนคอนโซลหน้าและช่องแอร์, แป้นเหยียบอะลูมิเนียมเเละพรมปูพื้นสีดำพร้อมโลโก้ Brabus
ขุมพลังของ Brabus 92R มาจากมอเตอร์ไฟฟ้าที่ให้กำลัง 91 แรงม้าเเละแรงบิด 180 นิวตันเมตร ซึ่งเป็นแรงบิดที่มากกว่ารุ่นมาตราฐานประมาณ 20 นิวตันเมตร โดยในโหมด “Sport +” จะสามารถเร่งความเร็วจาก 0-100 กม./ชม. ใน 10.9 วินาที ส่วนความเร็วสูงสุดจะยังคงจำกัดไว้ที่ 130 กม./ชม. เเละมอบระยะการขับขี่สูงสุด 128 กม. ต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง
นอกจากนี้ยังมีโหมดการขับขี่อื่นๆอีก 3 โหมดให้เลือกใช้นอกเหนือจาก “Sport +” ก็คือ “Basic, Eco และ Sport” โดยในโหมด Sport จะให้การตอบสนองของคันเร่งที่เร็วขึ้น ขณะที่ Eco จะช่วยเพิ่มระยะการขับขี่ที่มากขึ้น Brabus 92R จะถูกผลิตเพียง 50 คันเท่านั้น จำหน่ายในราคา 3.99 ล้านบาท และมีเพียงคันเดียวในประเทศไทย
- Brabus 1300R
Brabus 1300 R บิ๊กไบค์สายหรู 180 แรงม้า เร่ง 0-96 กม./ชม. ใน 3.2 วินาทีพร้อมจะพาท่านพุ่งทะยานไปกับ นวัตกรรมความเร็ว สุดดุดันอย่างเหนือระดับ
ในความร่วมมือครั้งใหม่นี้ Brabus และ KTM ผนึกกำลังกันเพื่อสร้างรถจักรยานยนต์ที่เหนือกว่ารุ่นปกติ โดยรวบรวมจุดแข็งและผสมผสานความคิดสร้างสรรค์ของทั้ง 2 แบรนด์ ปรัชญาการออกแบบที่เป็นเอกลักษณ์ วิศวกรรมทางเทคนิคและความเชี่ยวชาญด้านการผลิต เพื่อสร้างความท้าทายใหม่ ทำให้ได้ผลลัพธ์ชิ้นแรก นั่นคือ Brabus 1300R ที่เป็นรถจักรยานยนต์สุดหรูที่ไม่เหมือนใคร
Brabus 1300R มาขุมพลังเป็นเครื่องยนต์ V-Twin ขนาด 1,301 ซีซี ที่ให้กำลัง 180 แรงม้า ที่ 9,500 รอบต่อนาทีและแรงบิด 140 นิวตันเมตร ที่ 8,000 รอบต่อนาที ซึ่งกำลังนั่นจะเท่ากับ KTM 1290 SUPER DUKE R EVO ทุกประการ แต่จะมีการเสริมท่อไอเสียแบบท่อคู่แบบพิเศษของ BRABUS เพื่อมอบอัตราเร่งความเร็วจาก 0-96 กม./ชม. ใน 3.2 วินาที จะผลิตจำนวนจำกัดเพียง 154 คัน และเป็น Brabus 1300 R ที่มาในสีแดง Magma Red ที่มีเพียง 77 คันทั่วโลก คันที่นำมาโชว์ก็มีเพียงคันเดียวในไทยเช่นเดียวกัน ในราคาค่าตัวที่ 1.99 ล้านบาท
- Brabus Shadow 500 จาก BRABUS Marine
Brabus Marine เป็นผลมาจากการเป็นพันธมิตรที่ล้ำสมัยระหว่าง 2 บริษัทที่มีชื่อเสียงที่สุดในประเภทเดียวกัน ที่เป็นการรวมตัวกันของ Axopar Boats ผู้ผลิตเรือสัญชาติฟินแลนด์และ Brabus ผู้ผลิตรถยนต์หรูหราที่ก่อตั้งมายาวนานและมีประสิทธิภาพสูง
Brabus Shadow 500 เรือสุดหรูที่มาพร้อมสมรรถนะความเร็วมากกว่า 50 นอต ที่มีความโดดเด่นทั้งดีไซน์ อัตราเร่งและแรงบิดมหาศาลจากเครื่องยนต์ Mercury V8 ProXs 250 ที่มอบกำลังมากกว่า 500 แรงม้า
Brabus Shadow 500 มีเอกลักษณ์ด้วยการออกแบบที่น่าดึงดูด โดดเด่นและมีสไตล์เป็นพิเศษ เส้นสายเชิงมุมพร้อมตัวเรือที่ยาวและมีจุดศูนย์ถ่วงต่ำ ผสมผสานกับดาดฟ้าเรือที่ใช้งานได้จริงและหลากหลายภายในห้องโดยสารถูกออกแบบให้กลิ่นอายความอบอุ่นและสะดวกสบาย ด้วยห้องโดยสาร “Cabin”แบบ ‘ปิดสนิท’ ที่เหมาะสำหรับการเดินทางในทุกสภาพอากาศ ทั้งยังสามารถเปิดหลังคาและเปิดประตูด้านข้างขนาดใหญ่ได้ เมื่อต้องการเปลี่ยนบรรยากาศ นอกจากนี้ดาดฟ้าด้านหลังยังเรือสามารถเปลี่ยนพื้นที่นั่งเล่นเป็นเตียงอาบแดดได้อย่างง่ายดายเมื่อต้องการใช้พื้นที่สำหรับอาบแดดและพักผ่อน กับราคาค่าตัวที่ 15.9 ล้านบาท
- Panerai Submesible S Brabus Blue Shadow Edition
นาฬิกาสุดสมาร์ทเรือนนี้ เป็นความร่วมมือของ Brabus และ Panerai ผู้ผลิตนาฬิกาที่มีชื่อดังระดับโลกจากอิตาลีออกแบบนาฬิกาสุดพิเศษในชื่อว่า Panerai Submersible S BRABUS Blue Shadow Edition
การออกแบบที่เป็นเอกลักษณ์ของ Panerai Submersible S BRABUS Blue Shadow Edition ได้เน้นให้เห็นถึงสิ่งที่ดีที่สุดในโลกของการผลิตนาฬิการะดับพรีเมียมและการเดินเรือ โดยได้รับแรงบันดาลใจจากคุณสมบัติการออกแบบอันเป็นเอกลักษณ์ของเรือสุดหรูในซีรีส์ BRABUS Shadowตัวเรือนขนาด 47 มม. ทำจากไททาเนียมและขึ้นรูปโดยใช้ DMLS (Direct Metal Laser Sintering) ซึ่งเป็นวิธีการของเทคโนโลยีการพิมพ์ 3 มิติ ที่สร้างทั้งองค์ประกอบที่แข็งแรงและน้ำหนักเบา โครงสร้างตัวเรือนที่มีรูปทรงกันกระแทกอันเป็นเอกลักษณ์ของ Panerai ผสานกับตัวป้องกันเม็ดมะยม ก่อนจะปิดท้ายด้วย
พื้นผิวด้านที่โดดเด่นขอบหน้าปัดผลิตจาก Carbotech ซึ่งเป็นวัสดุคาร์บอนไฟเบอร์ที่มีลวดลายหลากสีสัน ทำให้นาฬิกาแต่ละเรือนมีลักษณะเฉพาะตัวและโดดเด่นด้วยความทนทาน ความเบาและความทนทานต่อการกัดกร่อนสูง นอกจากนี้ยังมี Super-LumiNova™ สีน้ำเงินบนเข็มบอกเวลาเพื่อช่วยให้อ่านง่ายและสะดุดตาที่สำคัญนั้นมีจำนวนจำกัดเพียง 200 เรือนทั่วโลกเท่านั้น สนนราคาที่ 1.99 ล้านบาท
ทั้งนี้บราบัส ไทยแลนด์ยังคงมีแผนจัดกิจกรรมในลักษณะนี้อย่างต่อเนื่อง ผู้สนใจสามารถติดตามวันและเวลาในการจัดงานในครั้งต่อไปได้ที่ facebook&IG:target car center , facebook&IG:brabus thailand