ปอร์เช่มีผลประกอบการที่แข็งแกร่ง ครองสถานะหนึ่งในแบรนด์หรูที่ทรงคุณค่าที่สุด

ปอร์เช่มีผลประกอบการที่แข็งแกร่ง ครองสถานะหนึ่งในแบรนด์หรูที่ทรงคุณค่าที่สุด

Porsche AG จัดประชุมใหญ่ประจำปีครั้งแรก หลังเสนอขายหุ้น IPO ตั้งแต่เดือนกันยายน 2565 โดยการประชุมดังกล่าวจัดขึ้นที่ Porsche Arena ในเมืองสตุ๊ทการ์ท เมื่อวันที่ 28 มิถุนายน 2566 สาระสำคัญคือผู้ถือหุ้น ประธานที่ปรึกษา Dr. Wolfgang Porsche และประธานกรรมการบริหาร Oliver Blume แสดงความพึงพอใจ รวมทั้งยืนยันถึงแนวทางกลยุทธ์ในปัจจุบัน และคาดการณ์ถึงอนาคต

Dr. Ing. h.c. F. Porsche AG ได้จัดงานประชุมใหญ่ประจำปีขึ้นในวันที่ 28 มิถุนายน 2566 นับเป็นครั้งแรกตั้งแต่การเสนอขายหุ้น IPO เมื่อเดือนกันยายน 2565 โดย CEO Oliver Blume ได้กล่าวกับบรรดาผู้ถือหุ้น ถึงปีงบประมาณที่ประสบความสำเร็จสูงสุดในประวัติศาสตร์ของบริษัทว่า “ผลงานของเราแสดงให้เห็นถึงความนิยมในผลิตภัณฑ์ยานยนต์ที่เกิดขึ้นทั่วโลก ด้วยการสร้างดุลยภาพให้แก่ตำแหน่งสินค้าในแต่ละภูมิภาค รูปแบบธุรกิจของเราจะมีความยืดหยุ่น และมีเสถียรภาพสูง แม้ในระหว่างช่วงเวลาอันวิกฤต” สำหรับปีงบประมาณ 2565 คณะกรรมการบริหาร และที่ปรึกษา ตัดสินใจจ่ายเงินปันผลจำนวน 1.00 ยูโร ต่อหุ้นสามัญ และ 1.01 ยูโร ต่อหุ้นบุริมสิทธ์

ระหว่างการประชุมร่วมกับผู้ถือหุ้น ซึ่งจัดขึ้น ณ Porsche Arena ในเมืองสตุ๊ทการ์ท ประธานที่ปรึกษา Dr. Wolfgang Porsche กล่าวขอบคุณไปยังบุคลากรของปอร์เช่ว่า “ด้วยความทุ่มเทอย่างเต็มความสามารถ รวมทั้งจิตสำนึกของความรับผิดชอบ ทุกท่านมีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งในการสร้างสรรค์ความสำเร็จอีกครั้งให้แก่ Porsche AG ในปีที่ผ่านมา เฉกเช่นเดียวกันกับความสำเร็จของการออกหุ้น IPO ของบริษัทในเดือนกันยายน ปี 2565 ถึงแม้จะต้องเผชิญกับการเปลี่ยนแปลง และความท้าทายมากมายก็ตาม”

Oliver Blume เน้นย้ำถึงเจตจำนงของบริษัทในการเดินหน้าไปตามแนวทางกลยุทธ์การดำเนินงานปัจจุบันต่อไป โดยไม่มีการเปลี่ยนแปลง โดยได้กล่าวว่า “ในฐานะแบรนด์หรูหราที่ทรงคุณค่าที่สุดในโลก เรายังคงเดินหน้าไปตามแนวทางกลยุทธ์ของเรา นั่นคือ ความล้ำสมัย ความสปอร์ตหรูหรา และเรากำลังกำหนดเป้าหมายที่เปี่ยมไปด้วยความท้าทาย ซึ่งมักจะถูกผลักดันจากคำถามที่เปรียบเสมือนแก่นแท้มาโดยตลอดว่า เราจะทำอย่างไร ในการสร้างสรรค์แรงบันดาลใจให้เกิดขึ้นแก่ลูกค้า และแฟนพันธ์แท้รถสปอร์ตปอร์เช่ ได้อย่างต่อเนื่องในอนาคต”

ในปีงบประมาณที่ผ่านมา Porsche AG บันทึกสถิติผลการดำเนินงานใหม่ได้ถึง 4 ประการ ได้แก่ ยอดส่งมอบรถยนต์ใหม่, รายได้จากการขาย, ผลกำไรจากการดำเนินงาน และกระแสเงินสดหมุนเวียนสุทธิในกลุ่มธุรกิจยานยนต์ โดยรายได้จากการขายในปี 2565 มีจำนวน 37.6 พันล้านยูโร สอดคล้องกับอัตราการเติบโตที่ 13.6 % ส่วนผลกำไรจากการดำเนินงานอยู่ที่ 6.8 พันล้านยูโร สูงกว่าตัวเลขเมื่อปีก่อนหน้าถึง 27.4 % ยอดส่งมอบรถยนต์ถึงมือลูกค้าทั่วโลกเพิ่มขึ้น 2.6% หรือคิดเป็นจำนวน 309,884 คัน กระแสเงินสดหมุนเวียนสุทธิในกลุ่มธุรกิจยานยนต์เติบโตขึ้น 5.2 % อยู่ที่ 3.9 พันล้านยูโร ผลตอบแทนจากการดำเนินงานขายอยู่ที่ 18.0% เพิ่มขึ้นถึง 2% เมื่อเปรียบเทียบกับปีที่แล้ว

ยืนยันถึงอนาคตข้างหน้า

Oliver Blume กล่าวว่า “แม้ว่ายังคงมีสถานการณ์ท้าทายมากมายที่ต้องรับมือ แต่ Porsche AG ยังคงยืนยันถึงความเป็นไปได้สำหรับธุรกิจที่กำลังดำเนินการในปีปัจจุบัน เราคาดการณ์ว่า รายได้จากการขายจะอยู่ที่ประมาณ 40 ถึง 42 พันล้านยูโรสำหรับผลตอบแทนจากการดำเนินงานขาย คาดว่าจะอยู่ที่ 17 ถึง 19% ในกรณีที่สถานการณ์ทั่วโลก และการส่งมอบวัตถุดิบไม่มีปัญหารุนแรงไปกว่านี้ ในระยะยาวเราตั้งเป้าหมายตัวเลขผลตอบแทนจากการดำเนินงานขายมากกว่า 20% และเราจะพยายามทำให้สำเร็จ”

บรรดาผู้ถือหุ้นจะพึงพอใจกับผลกำไรอันยั่งยืนจากความสำเร็จของบริษัท คณะกรรมการบริหาร และที่ปรึกษา เพื่อตัดสินใจจ่ายเงินปันผลเป็นมูลค่ารวมถึง 915.5 ล้านยูโร ในปีงบประมาณ 2565 จำนวนดังกล่าวรวมไปถึงเงินปันผลส่วนเพิ่มอีกประมาณ 4.5 ล้านยูโร สำหรับหุ้นบุริมสิทธ์ ในช่วงระยะกลางของการถือหุ้น ปอร์เช่ตั้งเป้าหมายจ่ายเงินปันผลเป็นมูลค่าประมาณครึ่งหนึ่งของผลกำไรรวมทั้งหมดหลังหักภาษี

หุ้นบุริมสิทธ์ของ Porsche AG เริ่มต้นการซื้อขายในตลาดหุ้น Frankfurt Stock Exchange (Prime Standard) เมื่อวันที่ 29 กันยายน 2565 ที่ผ่านมา นี่คือการเสนอขายหุ้น IPO ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของทวีปยุโรป เมื่อพิจารณาจากมูลค่าตามราคาตลาด ก่อนหน้าที่จะมีการขายหุ้น IPO นักลงทุนอิสระมากกว่า 170,000 รายได้ตัดสินใจซื้อหุ้นของ Porsche AG โดยมีจำนวนน้อยกว่าครึ่งของนักลงทุนเหล่านี้ที่ซื้อเป็นจำนวนระหว่าง 1 และ 40 หุ้น ดังนั้นมูลค่าการลงทุนต่อคนจึงอยู่ประมาณ 3,300 ยูโร Oliver Blume กล่าวว่า “เรามีความภาคภูมิใจในสิ่งนี้ เนื่องจากเป็นการแสดงให้เห็นว่าแบรนด์ปอร์เช่สามารถสื่อสารไปสู่ผู้คนได้เป็นอย่างดี หลายคนรู้สึกถึงความสัมพันธ์ที่มีต่อปอร์เช่ พวกเขาทั้งหมดเชื่อถือ และมอบความไว้วางใจให้เรา และยังคงเป็นเช่นนั้นมาตลอด สิ่งนี้เองที่สร้างความสุขให้แก่พวกเรา” หลังจากนั้นอีก 81 วัน ในวันที่ 19 ธันวาคม 2565 บริษัทได้รับสิทธิ์ fast entry ในการเข้าร่วม German stock index (DAX) Oliver Blume กล่าวต่อว่า “ด้วยการออกหุ้น IPO ของเราในช่วงฤดูใบไม้ร่วงที่ผ่านมา ความฝันของเราได้กลายเป็นความจริง สิ่งนี้ได้ส่งมอบเสรีภาพในแนวทางใหม่ รวมทั้งความยืดหยุ่นที่เหนือกว่าเดิม เรายังคงรวมเป็นหนึ่งในกลุ่มธุรกิจของ Volkswagen Group และนั่นคือโอกาสที่ทำให้เราได้เป็นในสิ่งที่เราอยากเป็นในวิสัยทัศน์ของเรา ซึ่งมีสถานภาพที่ยิ่งใหญ่ในอุตสาหกรรมยานยนต์ระดับโลก”

Sajjad Khan เข้าร่วมคณะกรรมการบริหาร ในวันที่ 1 พฤศจิกายน 2566

ในวันที่ 1 พฤศจิกายน 2566 Sajjad Khan จะเริ่มปฎิบัติงานในตำแหน่งสมาชิกคณะกรรมการบริหาร ผู้กำกับดูแลส่วนงาน new Car IT unit Khan มีชื่อเสียงระดับโลกในฐานะผู้ชำนาญการพัฒนาระบบ intelligent software ในยานยนต์ เขามีสัญชาติปากีสถาน และได้รับสถานะพลเมืองของประเทศเยอรมนี Khan เคยทำงานใน divisional board ของ Mercedes-Benz Cars จนกระทั่งเดือนสิงหาคม ปี 2564 ด้วยตำแหน่ง Chief Technology Officer เขารับผิดชอบการพัฒนาระบบติดต่อสื่อสาร, ระบบขับขี่อัตโนมัติ, ระบบ Shared & Services And Electric (CASE) โดยก่อนหน้านั้น เขาเคยทำงานอยู่กับ BMW Group ที่ซึ่งเขาพาองค์กรก้าวขึ้นเป็นผู้นำในวงการด้วยตำแหน่งรองประธานกรรมการ Oliver Blume กล่าวว่า “เราทั้งหมดมีความยินดีที่จะได้ต้อนรับผู้เชี่ยวชาญอันมีชื่อเสียง และมากด้วยประสบการณ์ ด้วยการร่วมงานกัน เราจะประยุกต์ใช้กลยุทธ์ Car IT strategy เพื่อขับเคลื่อน และมุ่งเน้นไปที่ความต้องการของลูกค้า”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *