เผยโฉมยนตรกรรมพลังงานไฟฟ้าเต็มรูปแบบรุ่นที่สอง “ฮอนด้า e:Ny1” ใหม่
บริษัท ฮอนด้า มอเตอร์ จำกัด ประกาศไลน์อัปของผลิตภัณฑ์ที่ครอบคลุมทั้งรถยนต์ รถจักรยานยนต์ เครื่องยนต์อเนกประสงค์ (Power Products) อากาศยาน และผลิตภัณฑ์อื่นๆ รวมถึงเทคโนโลยี และรถต้นแบบ ที่จัดแสดง ณ บูทฮอนด้า ภายในงาน JAPAN MOBILITY SHOW 2023 เมื่อวันที่ 27 ตุลาคม – 5 พฤศจิกายน 2566 ที่ผ่านมา
สำหรับฮอนด้าได้ดำเนินธุรกิจในด้านการขับเคลื่อนมาอย่างยาวนาน ภายใต้พันธกิจหลัก Global Brand Slogan คือ The Power of Dreams – How we move you – ที่สื่อความหมาย : “ความฝันของพนักงานฮอนด้าทุกคนเป็นพลังขับเคลื่อนให้แก่ฮอนด้ามาโดยตลอด ในขณะที่หลากหลายผลิตภัณฑ์ด้านการขับเคลื่อน และบริการที่ฮอนด้าสร้างสรรค์ขึ้นมาด้วยพลังแห่งความฝันเหล่านี้ สามารถนำพาผู้คนไปยังที่ต่างๆ ขับเคลื่อนหัวใจของผู้คน และช่วยให้ผู้คนตระหนักถึงความฝันของตนเอง ซึ่งจะนำไปสู่ความฝันอันยิ่งใหญ่อีกมากมายในอนาคต”
ดังนั้น ฮอนด้า จึงได้ถ่ายทอดความฝันของบริษัทฯ ออกมาผ่านผลิตภัณฑ์ด้านการขับเคลื่อน บริการ และเทคโนโลยีด้านต่างๆ ออกมามากมาย ที่จะช่วยให้ผู้คนบนโลกสามารถ “ก้าวข้าม (Transcend) ขีดจำกัดต่างๆ เช่น เวลาและสถานที่” และ “เพิ่มพูน (Augment) ศักยภาพและโอกาสของพวกเขา” สู่มิติใหม่ของการขับเคลื่อน โดยเปิดโอกาสให้ผู้เข้าชมได้จินตนาการถึงความฝันในอนาคตของตัวเอง และสัมผัสกับความฝันใหม่ที่ไร้ขอบเขตอีกมากมาย ภายในบูทฮอนด้าในงาน JAPAN MOBILITY SHOW 2023
โดยแนวคิดของบูทฮอนด้า: “Honda DREAM LOOP” สะท้อนให้เห็นถึงมิติใหม่แห่งอนาคต ที่ติมเต็มไปด้วยความฝันอันหลากหลายของผู้คน หลายเชื้อชาติ และจะยังคงแผ่ขยายออกไปอย่างต่อเนื่องผ่านผลิตภัณฑ์และบริการด้านการขับเคลื่อนที่เกิดขึ้นจากความฝันของฮอนด้านั่นเอง ซึ่งบูทฮอนด้า ได้ออกแบบและจัดแสดงเพื่อสะท้อนให้เห็นถึงความฝันและความคิดริเริ่มด้านต่างๆ ที่ฮอนด้าได้ทำให้สำเร็จมาอย่างต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน และถ่ายทอดภาพการใช้ชีวิตประจำวันของผู้คนในปัจจุบันและอนาคต เพื่อมุ่งเน้นให้ลูกค้าได้เข้าใจความฝัน และสังคมในอนาคตที่ฮอนด้าต้องการให้เป็นจริง
ไฮไลต์การจัดแสดงในบูทฮอนด้า
ฮอนด้า ได้มีการพัฒนาหลากหลายผลิตภัณฑ์ด้านการขับเคลื่อนซึ่งเปรียบเสมือนศูนย์รวมแห่งความฝัน ที่เปี่ยมไปด้วยความมุ่งมั่นในการส่งมอบคุณค่าให้กับผู้คน และผู้รับเพื่อให้สามารถ “ก้าวข้าม (Transcend) ข้อจำกัดต่างๆ เช่น เวลาและสถานที่” และเพื่อ “เพิ่มพูน (Augment) ศักยภาพและโอกาสของพวกเขา” โดยบูทของฮอนด้าและเว็บไซต์พิเศษนี้ จะนำเสนอผลิตภัณฑ์และเทคโนโลยีที่พร้อมมอบคุณค่าเหล่านี้ด้วยความตั้งมั่นและตั้งใจในการผลิตภัณฑ์จากฮอนด้า
ผลิตภัณฑ์ด้านการขับเคลื่อนของฮอนด้า ที่ออกแบบเพื่อก้าวข้ามข้อจำกัดสู่การไปของอีกขั้นของอนาคต
- SUSTAINA-C Concept และ Pocket Concept เปิดตัวครั้งแรกในโลก
Concept Model ของรถยนต์ไฟฟ้าและรถจักรยานยนต์ไฟฟ้า ที่ได้รับการออกแบบเพื่อสะท้อนแนวคิดในการก้าวข้ามข้อจำกัดของทรัพยากรที่มีอย่างจำกัดที่หมุนเวียนเปลี่ยนแปลอยู่ตลอดบนโลกใบนี้ ผ่าน “การใช้ทรัพยากรหมุนเวียน” โดยผลิตจากเรซินอะคริลิกที่ผ่านการรีไซเคิลและนำกลับมาใช้ใหม่ เพื่อตอบโจทย์ความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อม ตลอดจนส่งมอบความสุขและอิสระในการขับเคลื่อนสู่อนาคตอันประทับใจ
- SC e: Concept เปิดตัวครั้งแรกในโลก
Concept ของรถจักรยานยนต์ไฟฟ้า โลกแห่งการขับเคลื่อนแบบสองล้อ ที่ออกแบบเพื่อช่วยให้ผู้คนก้าวข้ามขีดจำกัดด้านเวลา โดยมีการติดตั้งแบตเตอรี่ Honda Mobile Power Pack e: จำนวน 2 ยูนิต ซึ่งเป็นแบตเตอรี่แบบถอดเปลี่ยนได้โดยไม่ต้องเสียเวลาในการรอชาร์จ อีกทั้งเป็นอีกทางหนึ่งที่ช่วยส่งเสริมและขยายการใช้พลังงานหมุนเวียน โดยรถจักรยานยนต์รุ่นนี้ยังมอบสมรรถนะการขับขี่ที่ทรงพลัง นุ่มนวล มีเอกลักษณ์ในสไตล์รถจักรยานยนต์ไฟฟ้า ช่วยมอบความสะดวกสบาย ประหยัดเวลาเหมาะสำหรับการใช้งานในชีวิตประจำวัน
- Honda Specialty Sports Concept เปิดตัวครั้งแรกในโลก รถต้นแบบสปอร์ตพลังงานไฟฟ้า ที่จะช่วยเปิดประสบการณ์ใหม่ให้ผู้ขับขี่ได้สัมผัสกับความสนุกสนาน และความเพลิดเพลินในการขับขี่อย่างแท้จริง พาก้าวข้ามข้อจำกัดของเวลาในยุคของการใช้ยานยนต์ไฟฟ้าสู่ความเป็นกลางทางด้านคาร์บอน และความนิยมสมัยใหม่ของเทคโนโลยีการขับขี่อัตโนมัติ โดยความเพลิดเพลินจากการขับขี่และเอกลักษณ์เฉพาะตัวของรถรุ่นนี้ จะช่วยให้ผู้คนก้าวข้ามข้อจำกัดในการใช้ชีวิตประจำวันได้ดียิ่งขึ้น
- HondaJet / Honda eVTOL*1
ไม่เพียงแต่ภาคพื้นดิน อากาศยานจากฮอนด้า ที่ช่วยให้ผู้คนเข้าถึง “การขับเคลื่อนแบบสามมิติ” ได้อย่างแท้จริงเพื่อก้าวข้ามขีดจำกัดของสถานที่และระยะทาง และปัญหาการจราจร โดยได้จัดแสดงแบบจำลองภายในห้องโดยสารของ HondaJet Elite II เครื่องบินเจ็ตธุรกิจขนาดเล็กเพื่อให้ผู้ที่สนใจสามารถสัมผัสประสบการณ์ภายในห้องโดยสารของ HondaJet นอกจากนี้ยังมีการจัดแสดงแบบจำลองภายนอกขนาด 1:5 ของ Honda eVTOL รวมถึงกังหันก๊าซไฮบริด (Gas Turbine Hybrid System) ที่อยู่ในขั้นตอนวิจัยและการพัฒนาเพื่อใช้เป็นระบบส่งกำลังของ Honda VTOL ที่ได้นำมาจัดแสดงในงานนี้ด้วยเช่นกัน
*1 eVTOL: อากาศยานที่บินขึ้นและลงในแนวดิ่ง ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า
- ผลิตภัณฑ์ไฟฟ้าที่ใช้แบตเตอรี่ Honda Mobile Power Pack e:
ด้วยคุณสมบัติการจัดเก็บและพกพาพลังงานหมุนเวียนที่สะอาดในแบตเตอรี่ MPP ที่สามารถถอดเปลี่ยนได้ ช่วยให้ผู้คนสามารถก้าวข้ามข้อจำกัดของทรัพยากรที่มีจำกัด ในการใช้พลังงานในสถานที่หรือสถานการณ์ต่างๆ อีกทั้งตอบโจทย์ในด้านความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อม และอิสระในการเคลื่อนที่อย่างอิสระ โดยภายในงาน บูทฮอนด้าได้จัดแสดงผลิตภัณฑ์ต่างๆ ที่ใช้พลังงานจากแบตเตอรี่ MPP และเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับพลังงานด้านอื่นๆ ด้วย
<ผลิตภัณฑ์แห่งการขับเคลื่อนของฮอนด้าที่ออกแบบเพื่อเพิ่มพูนศักยภาพและโอกาส>
- Honda CI-MEV กับเปิดตัวครั้งแรกในโลก
โมเดลสาธิตของรถยนต์ไฟฟ้าแบบ 2 ที่นั่งขับเคลื่อนแบบ 4 ล้อ ผสมผสานการใช้เทคโนโลยีที่เรียกว่า Cooperative Intelligence (CI) ของฮอนด้า ทั้งนี้เทคโนโลยีการขับขี่แบบอัตโนมัติ เพื่อมอบการขับเคลื่อนที่เข้าถึงง่ายจนถึงปลายทางสำหรับทุกคน ตามความมุ่งมั่นของฮอนด้า ในการเพิ่มและขยายขอบเขตของผู้คนให้สามารถใช้ชีวิตได้อย่างไร้ขอบเขต ไม่มีข้อจำกัด โดยเฉพาะผู้ที่มีข้อจำกัดในการเดินทางไปยังสถานที่ต่างๆ เช่น เมื่อไม่มีระบบขนส่งสาธารณะ หรือเมื่อผู้คนประสบปัญหาในการเดินระยะไกล
- ยนตรกรรมขับเคลื่อนอัตโนมัติของฮอนด้า (Honda Autonomous Work Vehicle) เปิดตัวครั้งแรกในประเทศญี่ปุ่น
โมเดลสาธิตของยนตรกรรมไร้คนขับที่สามารถปรับเปลี่ยนรูปแบบการใช้งานได้หลากหลาย ผ่านทางอุปกรณ์เชื่อมต่อที่ได้รับการพัฒนาขึ้น เพื่อเพิ่มพูนศักยภาพและโอกาสของผู้คนในการขนส่งสินค้าขนาดใหญ่ และปรับปรุงเพื่อทำงานต่างๆ แทนแรงงานมนุษย์ ในสภาพแวดล้อมที่มนุษย์อาจประสบปัญหาในการปฏิบัติงานดังกล่าว
- หุ่นยนต์ Honda Avatar Robot
หุ่นยนต์อวาตาร์สุดล้ำที่จะมาช่วยให้ผู้ใช้งานก้าวข้ามข้อจำกัดของเวลาและสถานที่ และเพิ่มขีดความสามารถและความเป็นไปได้ของผู้คน ด้วยความโดดเด่น คือ มือหุ่นยนต์หลายนิ้ว ซึ่งพัฒนาโดยใช้เทคโนโลยีที่ฮอนด้าสั่งสมมาจากการวิจัยและพัฒนาด้านหุ่นยนต์มาตลอด รวมถึงอาซิโม (ASIMO) และเทคโนโลยีการควบคุมระยะไกลที่รองรับระบบ AI ทำให้หุ่นยนต์ Honda Avatar Robot สามารถอำนวยความสะดวกผู้ใช้ในการทำงานและสัมผัสสิ่งต่างๆ จากระยะไกลได้อย่างคล่องแคล่ว ราวกับว่าพวกเขาอยู่ที่นั่นด้วยตนเอง ช่วยเพิ่มศักยภาพการทำงานในพื้นที่ที่เข้าถึงยากและมีอุปสรรค
- UNI-ONE
พาหนะเคลื่อนที่ส่วนบุคคลแบบนั่งโดยไม่ใช้มือบังคับ โดดเด่นด้วยเทคโนโลยีควบคุมการทรงตัวที่พัฒนาขึ้นจากการวิจัยหุ่นยนต์ของฮอนด้า และระบบล้อขับเคลื่อน Omni Traction Drive ของฮอนด้าอันเป็นกลไกของฮอนด้าที่ช่วยให้สามารถเคลื่อนที่ได้รอบทิศทางอย่างเป็นธรรมชาติและนุ่มนวล โดยผู้ใช้งานสามารถบังคับทิศทางได้อย่างสะดวกง่ายดายเพียงโน้มตัวในขณะนั่ง การเคลื่อนตัวอย่างช้าๆ ไปทางซ้าย หรือขวาและตรงไป ทำได้อย่างนุ่มนวลซึ่งมันเคลื่อนตัวราวกับว่ากำลังเดิน ซึ่งจะช่วยเพิ่มโอกาสให้ผู้ใช้ที่มีปัญหาด้านการเคลื่อนไหวสามารถขยับและเคลื่อนที่ได้เอง
- ผลิตภัณฑ์ด้านการขับเคลื่อนอื่นๆ ของฮอนด้าที่ออกแบบมาเพื่อเพิ่มความเป็นไปได้ในชีวิตของผู้คน
- รถต้นแบบเพื่อการใช้งานเชิงพาณิชย์ mini-BEV และ Power Exporter e: 6000 อุปกรณ์จ่ายพลังงานไฟฟ้าแบบพกพา
อีกทั้งผลิตภัณฑ์ด้านการขับเคลื่อนและบริการที่ริเริ่มจาก IGNITION*2 หรือหน่วยสร้างสรรค์ธุรกิจใหม่ของฮอนด้า อันได้แก่
- Ashirase – สายรัดในรองเท้าพร้อมระบบนำทาง สำหรับผู้พิการทางสายตา (Ashirase Inc.)
- Striemo – สกู๊ตเตอร์ไฟฟ้าสามล้อสำหรับหนึ่งคน (Striemo Inc.)
- RAIL ACTIVE-e bicycle – รถจักรยานไฟฟ้าติดตั้งระบบ SmaChari ช่วยเชื่อมต่อและช่วยเหลือผ่านระบบไฟฟ้า ( International., inc.) โดย SmaChari จะเป็นเทคโนโลยีแรกที่มาจากหน่วยงาน IGNITION ที่จะทำการค้าภายใต้แบรนด์ฮอนด้าในอนาคต
*2 IGNITION เป็นหน่วยสร้างสรรค์ธุรกิจใหม่ของฮอนด้า ที่ออกแบบเทคโนโลยีตั้งต้น แนวคิด และออกแบบองค์กร เพื่อช่วยมีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหาของสังคมและสร้างสรรค์คุณค่าใหม่ให้แก่ลูกค้าและสังคมได้อย่างยั่งยืน ซึ่งก่อตั้งเมื่อปี ค.ศ. 2017 โดยในปี ค.ศ. 2020 ที่ผ่านมาได้มีการเพิ่มตัวเลือกในการเริ่มต้นธุรกิจร่วมทุนใหม่ในหน่วยงาน เพื่อให้ตระหนักถึงการนำแนวคิดไปต่อยอดปฏิบัติได้จริง และในปี ค.ศ. 2021 Ashirase, Inc. และ Striemo, Inc. ได้ถือกำเนิดขึ้นนับเป็นการร่วมทุนทางธุรกิจกับ IGNITION เป็นบริษัทแรกและบริษัทที่สองตามลำดับอีกด้วย
ยังไม่หมดเพียงแค่นี้ ฮอนด้า ยังคงให้ความสำคัญกับเทคโนโลยีด้านความปลอดภัย จากโกลบอล สโลแกน ของฮอนด้าทั่วโลกในด้านความปลอดภัย “Safety for Everyone” ฮอนด้ามุ่งมั่นที่จะสร้างสังคมปลอดอุบัติเหตุสำหรับทุกคนที่ใช้ถนนร่วมกัน ผ่านการทำวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีความปลอดภัยทั้งด้านฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์อย่างต่อเนื่อง โดยปัจจุบัน ฮอนด้า ติดตั้งเทคโนโลยีความปลอดภัยอัจฉริยะและระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ ฮอนด้า เซนส์ซิ่ง ในยนตรกรรมรุ่นที่ผลิตเพื่อการจำหน่ายเป็นจำนวนมาก คิดเป็นร้อยละ 99% ของยนตรกรรมฮอนด้ารุ่นใหม่ที่จำหน่ายในญี่ปุ่นและสหรัฐอเมริกา และ 86% สำหรับตลาดทั่วโลก มียอดขายสะสมของยนตรกรรมที่ติดตั้งฮอนด้า เซนส์ซิ่ง อยู่ที่ 14 ล้านคัน*1
ทั้งนี้ ฮอนด้า ยังได้พัฒนาฟังก์ชันของฮอนด้า เซนส์ซิ่ง มาอย่างต่อเนื่อง โดยในปี พ.ศ. 2564 ฮอนด้า ได้เปิดตัว ฮอนด้า เซนส์ซิ่ง อีลิท ที่มาพร้อมฟังก์ชัน Traffic Jam Pilot ซึ่งมีคุณสมบัติรองรับเทคโนโลยีการขับขี่อัตโนมัติระดับ 3 และจากการต่อยอดองค์ความรู้ที่รวบรวมจากงานวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยี ฮอนด้า เซนส์ซิ่ง อีลิท ฮอนด้า จึงได้พัฒนาระบบความปลอดภัยรอบทิศทางฮอนด้า เซนส์ซิ่ง 360 (Honda SENSING 360) และระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ ซึ่งช่วยขจัดจุดบอดรอบๆ ตัวรถ และช่วยในการหลีกเลี่ยงการชนและลดภาระของผู้ขับขี่ได้อย่างมั่นใจและปลอดภัย โดยเริ่มใช้งานประเทศจีนเป็นแห่งแรกในปี พ.ศ. 2565 ที่ผ่านมา
ล่าสุดในงาน JAPAN MOBILITY SHOW 2023 ฮอนด้า ได้เผยโฉมเทคโนโลยีความปลอดภัย ฮอนด้า เซนส์ซิ่ง 360 เจเนอเรชันใหม่ ซึ่งมาพร้อมฟังก์ชันใหม่ที่ช่วยลดภาระของผู้ขับขี่รถยนต์ฮอนด้า ด้วยการตรวจจับสภาวะผิดปกติที่เกิดขึ้นกับผู้ขับขี่และสภาพแวดล้อมโดยรอบของรถเพื่อป้องกันการเฉี่ยวชน การเกิดอุบัติเหตุต่างๆ โดยจะเพิ่มฟังก์ชันใหม่เหล่านี้เข้าไปในฮอนด้า เซนส์ซิ่ง 360 รุ่นปัจจุบัน และจะขยายการติดตั้งนี้ เพื่อใช้งานในทั่วโลกโดยจะเริ่มในปี พ.ศ. 2567 อันใกล้นี้
สำหรับ ฮอนด้า เซนส์ซิ่ง อีลิท เจเนอเรชันใหม่ มาพร้อมฟังก์ชันใหม่ที่พัฒนาขึ้นจากการต่อยอดเทคโนโลยีการจดจำและความเข้าใจ โดยการนำเทคโนโลยี AI (ปัญญาประดิษฐ์) ต้นแบบของฮอนด้า ฟังก์ชันใหม่เหล่านี้จะช่วยให้ผู้ขับขี่เดินทางอย่างปลอดภัยและราบรื่นมากขึ้น นับตั้งแต่ผู้ขับออกจากบ้านไปยังจุดหมายปลายทาง รู้สึกอุ่นใจในทุกเส้นทาง ซึ่งตอนนี้สามารถเปิดใช้งานบนถนนที่ไม่ใช่ทางด่วนได้อีกด้วย โดยมีแผนเริ่มแนะนำเทคโนโลยีใหม่ทั่วโลกในช่วงกลางทศวรรษ 2020
สำหรับแผนการในอนาคตสำหรับ ฮอนด้า ยังมุ่งมั่นที่จะติดตั้งเทคโนโลยีฮอนด้า เซนส์ซิ่ง ให้กับรถยนต์รุ่นใหม่ทั่วโลก (รวมทั้งฮอนด้า เซนส์ซิ่ง 360 และฮอนด้า เซนส์ซิ่ง อีลิท) พร้อมฟังก์ชันการตรวจจับรถจักรยานยนต์ให้สำเร็จภายในปี พ.ศ. 2573 นอกจากนี้ ฮอนด้า ยังตั้งเป้าการติดตั้งฮอนด้า เซนส์ซิ่ง 360 ให้กับรถยนต์รุ่นใหม่ในตลาดหลักทั้งหมดให้สำเร็จภายในปี พ.ศ. 2573 ไปพร้อมกับการพัฒนาฟังก์ชันของฮอนด้า เซนส์ซิ่ง อย่างต่อเนื่อง ซึ่งด้วยแนวคิดริเริ่มเหล่านี้ ฮอนด้า ตั้งเป้าที่จะลดอัตราการเสียชีวิตจากอุบัติเหตุจราจรที่เกี่ยวข้องกับรถจักรยานยนต์และรถยนต์ฮอนด้าทั่วโลกให้ได้ครึ่งหนึ่งภายในปี พ.ศ. 2573 นอกจากนี้ ฮอนด้า จะเดินหน้าขยายการใช้งานฟังก์ชันตรวจจับรถจักรยานยนต์ และปรับปรุงฟังก์ชันต่างๆ ของระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ขั้นสูง (Advanced Driver-Assistant System – ADAS) ให้ดียิ่งขึ้น ตรงตามพันธกิจหลักด้านการให้ความสำคัญเรื่องความปลอดภัยของผู้ขับขี่รถยนต์ฮอนด้า
โดยฮอนด้ามุ่งมั่นที่จะสร้างสังคมปลอดอุบัติเหตุจากการใช้รถจักรยานยนต์และรถยนต์ฮอนด้าทั่วโลกภายในปี พ.ศ. 2593 ด้วยการใช้ประโยชน์จากจุดแข็งของบริษัทฯ ที่ดำเนินธุรกิจทั้งรถจักรยานยนต์และรถยนต์ ในการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีด้านความปลอดภัยให้เกิดประโยชน์สูงสุด ฮอนด้า จะทำงานอย่างมุ่งมั่น และจริงใจเพื่อสร้างสังคมปลอดอุบัติเหตุสำหรับทุกคนที่ใช้รถใช้ถนนร่วมกัน
นอกจากนี้ ฮอนด้า ยังได้เปิดตัวเทคโนโลยีความปลอดภัยแห่งอนาคตเป็นครั้งแรกในโลก ที่มุ่งสร้างสังคมปลอดอุบัติเหตุและลดการเสียชีวิตที่เกี่ยวข้องกับรถจักรยานยนต์และรถยนต์ฮอนด้าทั่วโลกให้เป็นศูนย์ ตามเป้าหมายการดำเนินงานภายในปี พ.ศ. 2593 ด้วยการใช้ 2 เทคโนโลยีหลัก ได้แก่ ครั้งแรกในโลก*1 กับเทคโนโลยีช่วยเหลือผู้ขับขี่อัจฉริยะด้วยระบบปัญญาประดิษฐ์ (AI-powered Intelligent Driver-Assistive Technology) ที่สามารถให้การช่วยเหลือที่เหมาะสมกับความสามารถและการใช้งานของผู้ขับขี่แต่ละคน ช่วยลดความผิดพลาดและความเสี่ยงในการขับขี่บนท้องถนน ทำให้ผู้ขับขี่ใช้งานได้อย่างมั่นใจและปลอดภัยยิ่งขึ้น ร่วมด้วยเทคโนโลยีเครือข่ายสนับสนุนความปลอดภัยในการขับขี่ (Safe and Sound Network Technology) ที่เชื่อมต่อผู้ใช้ถนนทั้งหมดเข้าไว้ด้วยกัน ทั้งผู้คนและผลิตภัณฑ์เพื่อการขับเคลื่อนทั้งหมด ผ่านระบบโทรคมนาคม เพื่อช่วยคาดการณ์ความเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้นได้ และช่วยคนให้เลี่ยงจากความเสี่ยงนั้นๆ ก่อนที่จะเกิดอุบัติเหตุได้อีกด้วย เพื่อเป็นการสร้างสังคมที่ผู้คนสามารถเดินทางได้โดยอิสระไร้กังวล ผ่านเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) และการสื่อสารอันล้ำสมัย
ภายในบูธฮอนด้า JAPAN MOBILITY SHOW 2023 ไม่ได้เพียงแค่โชว์เทคโนโลยีเกี่ยวกับความปลอดภัยอย่างเดียว ยังได้เผยโฉม ฮอนด้า e:Ny1 ใหม่ ที่เป็นยนตรกรรมพลังงานไฟฟ้าเต็มรูปแบบรุ่นที่สองที่จำหน่ายในยุโรป ที่ได้รับการพัฒนาจากแนวคิดที่มีผู้คนเป็นศูนย์กลาง (human-centered development) เป้าหมายหลักของทีมพัฒนา e:Ny1 มุ่งเน้นการมอบประสบการณ์การขับขี่ที่สนุกอันเป็นเอกลักษณ์ของฮอนด้าตลอดมา เพื่อให้ทุกการเดินทางราบรื่นและนุ่มนวล พร้อมด้วยฟังก์ชันการใช้งานที่หลากหลายและใช้งานง่าย ทีมวิศวกรผู้พัฒนาจึงท้าทายตัวเองอย่างมากในการดึงสมรรถนะการขับขี่และจุดเด่นของขุมพลังขับเคลื่อนไฟฟ้าเต็มรูปแบบออกมาให้ได้มากที่สุด
ฮอนด้า e:Ny1 ใหม่ มาพร้อมดีไซน์การออกแบบใหม่ที่ผสมผสานกับการตกแต่งภายในพรีเมียมเหนือระดับ ครบครันด้วยเทคโนโลยีล้ำสมัย เพื่อให้เป็นยนตรกรรมสำหรับครอบครัวยุคใหม่ โครงสร้างตัวรถได้รับการพัฒนาจากแนวคิดที่ต้องการมอบคุณค่าใหม่ ความรู้สึกใหม่ และประสบการณ์ใหม่ๆ ให้แก่เจ้าของรถยนต์ไฟฟ้าในปัจจุบันและในอนาคต
นอกจากนี้ยังมาพร้อมแพลตฟอร์ม e:N Architecture F ของฮอนด้าประสิทธิภาพสูง เป็นแพลตฟอร์มที่รองรับการขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์หน้าที่ได้รับการพัฒนาขึ้นใหม่ เพื่อใช้ในรถยนต์ไฟฟ้ากลุ่ม B-segment ของฮอนด้าทั่วโลก ร่วมกับเทคโนโลยีการจัดการพลังงานแบตเตอรี่ล่าสุดของฮอนด้า ที่ส่งผลทำให้ตัวรถสามารถวิ่งได้ระยะทางถึง 412 กม. (256 ไมล์) ตามมาตรฐานการวัดระยะทางของ WLTP และสามารถชาร์จไฟได้อย่างรวดเร็วจาก 10-80% โดยใช้เวลาชาร์จเพียง 45 นาทีเท่านั้น และด้วยโครงสร้างที่มีความกะทัดรัด จึงสามารถจัดวางชิ้นส่วนต่างๆ ให้อยู่ที่เพลาหน้าได้อย่างลงตัว
ส่วนขุมพลังของฮอนด้า e:Ny1 ใหม่ ได้รับการจัดวางอย่างลงตัว ทั้งการวางแบตเตอรี่ไว้ใต้พื้นรถ ทำให้ภายในมีพื้นที่กว้างขวางและสะดวกสบายสำหรับทุกคน วัสดุภายในห้องโดยสารมีคุณภาพ วัสดุเบาะนั่งแบบพรีเมียม ส่งผลให้ภายในห้องโดยสารพิเศษไม่เหมือนใคร ขณะที่แผงหน้าปัดดิจิทัลและหน้าจอสัมผัสขนาดใหญ่ตรงกลาง ได้รวมเอาเทคโนโลยีที่โดดเด่นมาไว้อย่างครบครัน เพื่อให้ผู้ขับขี่และผู้โดยสารเชื่อมต่อกับโลกออนไลน์และรับทราบข้อมูลข่าวสารได้ตลอดการเดินทางอย่างสะดวกสบาย
ด้านความปลอดภัย e:Ny1 ยังมาพร้อมกับเทคโนโลยีความปลอดภัยอัจฉริยะ Honda SENSING เพื่อส่งมอบประสบการณ์การขับขี่ที่ปลอดภัยครบครันรอบด้าน และช่วยลดภาระของผู้ขับขี่ในทุกการเดินทางด้วยฟังก์ชันขั้นสูงของระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่
อย่างไรก็ตาม ฮอนด้า e:Ny1 ใหม่ ยังได้รับการออกแบบให้มีบุคลิกที่โดดเด่น สมาร์ต เอกลักษณ์เฉพาะที่แตกต่างจากไลน์อัปอื่นๆ ของรถยนต์ฮอนด้าทั่วไป สะท้อนความเป็นรถยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าเต็มรูปแบบ จึงมาพร้อมรูปลักษณ์งดงามที่สร้างขึ้นอย่างพิถีพิถัน สะดุดตาด้วยดีไซน์ภายนอก ระยะด้านหน้าของ overhang สั้น ล้อขนาดใหญ่และฐานที่กว้าง เพื่อการขับขี่ที่มั่นใจในสไตล์รถ SUV มีดีไซน์ไฟหน้าโฉบเฉี่ยวและเป็นเอกลักษณ์ กระจังหน้าที่มีผิวสัมผัสเรียบ ทําให้ e:Ny1 มีรูปลักษณ์ที่โดดเด่น ด้วยการออกแบบเส้นสายรอบคันอย่างกลมกลืน
ส่วนเส้นสายของ LED เป็นแนวยาวใต้แนวฝากระโปรง เชื่อมต่อกับไฟหน้าอย่างไม่มีสะดุด โดยจะแสดงสถานะขณะกำลังชาร์จไฟในรูปแบบเฉพาะตัว ฝาสปอยเลอร์หน้าสไตล์สปอร์ตที่ติดตั้งเสมือนลอยอยู่ใต้กระจังหน้า เพื่อปิดซ่อนหม้อน้ำขณะจอดรถ กระจังหน้าด้านล่างตกแต่งด้วยสีดําเงา ดูหรูหรา โฉบเฉี่ยว ช่องชาร์จไฟอยู่หลังแผงกระจังหน้าที่สามารถหมุนเปิดเข้าด้านในเพื่อทำการชาร์จไฟในตำแหน่งกึ่งกลางของกระจังหน้า ทำให้สามารถชาร์จไฟได้สะดวกจากทั้งสองฝั่งของตัวรถได้อย่างง่ายดาย
โครงสร้างตัวถังของฮอนด้า e:Ny1 ใช้โครงสร้างแบบเดียวกับ ฮอนด้า เอชอาร์-วี โดดเด่นในสไตล์สปอร์ตคูเป้ มาพร้อมเส้นสาย belt line และ character line ที่เฉียบคม พื้นผิวเรียบเนียน ลวดลายการออกแบบที่เรียบง่าย หากแต่เป็นระเบียบ อีกทั้งจัดวางมือจับประตูหน้าและการซ่อนมือจับประตูหลังไว้ด้วยดีไซน์ที่กลมกลืนรอบคัน จากด้านหน้าสู่ด้านท้าย ไฟเลี้ยวด้านหลัง ไฟเบรก และไฟถอยหลัง ได้รับการออกแบบให้อยู่ในชุดโคมเดียวกัน พร้อมเส้นไฟท้ายที่ยาวเต็มพื้นที่ ช่วยให้ดีไซน์ด้านหลังดูกว้าง และให้รูปลักษณ์ที่ดูมั่นคงยิ่งขึ้น ซึ่งถือเป็นการเปิดตัวอัตลักษณ์ใหม่ของยนตรกรรมไฟฟ้าจากฮอนด้า ที่มาพร้อมกับสัญลักษณ์ H Mark สีขาว ที่ด้านหน้า ตรงกลางฝาครอบล้อ และพวงมาลัยทั้งยังมีการเลือกใช้ฟอนต์ใหม่ที่ดูสมาร์ต เป็นการเน้นชื่อแบรนด์ฮอนด้า ด้านหลังให้โดดเด่น ให้ลุคที่สดใหม่ พรีเมียมยกระดับเหนือชั้น และจะถูกนำมาใช้กับรถไฟฟ้าทั้งหมดของฮอนด้าในอนาคตอีกด้วย
ยกระดับประสบการณ์ภายในรถยนต์สำหรับผู้ขับขี่และผู้โดยสาร ทัศนวิสัยในการขับขี่และการใช้งานฟังก์ชันต่างๆ จึงเป็นสิ่งที่สำคัญ โดยได้ทำการออกแบบคอนโซลกลางใหม่ การจัดวางปุ่มเกียร์ที่เรียบง่าย เข้ากับสวิตช์เบรกมือไฟฟ้า ทั้งหมดอยู่ในตำแหน่งที่คนขับจะเอื้อมถึงได้โดยง่าย รวมทั้งอุปกรณ์ชาร์จไฟแบบไร้สายด้วย หน้าจอสัมผัสขนาด 15.1 นิ้ว บริเวณคอนโซลกลาง ใช้งานได้ง่าย ช่วยให้เข้าถึงเมนู Infotainment ต่างๆ ได้ (ที่ออกแบบมาเฉพาะรุ่นนี้) ด้วยการจัดวางเมนูที่แบ่งเป็นสัดส่วน 3 โซนบนหน้าจอ สามารถเลือกใช้ได้สะดวก รวดเร็ว โดยไม่ต้องเสียสมาธิในการขับขี่ ด้านบนเป็นโซน ‘Connect’ ที่จะรวมระบบนําทาง นาฬิกา และจอแสดงผลของกล้องไว้ โดยจัดลําดับความสําคัญให้อยู่ด้านบนเพื่อให้สามารถมองเห็นได้เด่นชัดในระดับสายตาของผู้ขับขี่ ส่วนของโซนกลางเป็น ‘Driver Assist’ หรือระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ โดยจะแสดงสถานะการทำงานของรถยนต์ การตั้งค่าระบบเสียงและการสื่อสารต่างๆ รวมถึงแอปพลิเคชันและการตั้งค่าระบบรถยนต์ พร้อมด้วยเมนูแสดงการทำงานของระบบ EV และการควบคุมการใช้โทรศัพท์ โซนด้านล่างเป็นการควบคุมระบบปรับอากาศที่แสดงข้อมูลการปรับอากาศและระบบ Air Diffusion System กระจายความเย็นหมุนวน โดยแสดงให้เห็นบนจอตลอดเวลา สำหรับฟังก์ชันที่ใช้งานเป็นประจำจะแสดงให้เห็นเด่นชัดที่สุด เพื่อให้สะดวกต่อการใช้งาน และสามารถปรับแต่งให้เหมาะกับความต้องการของผู้ใช้ได้ พร้อมด้วยมาตรวัดแสดงข้อมูลการขับขี่ขนาด 10.25 นิ้ว ที่รวมฟังก์ชันการใช้งาน การแสดงข้อมูล Infotainment และข้อมูลการขับขี่ พร้อมเชื่อมต่อผู้ขับขี่กับรถยนต์และโลกภายนอกได้อย่างไร้รอยต่อเข้าไว้ด้วยกัน
เบาะนั่งด้านหน้าได้รับการพัฒนาโดยมุ่งเน้นการโดยสารที่สะดวกสบายและหรูหรา ด้วยแผ่นรองยูรีเทนแบบหนา ช่วยเพิ่มความสะดวกสบายในการขับขี่พร้อมโอบรับสรีระในช่วงเร่งความเร็วหรือเข้าโค้ง โดยวัสดุหุ้มเบาะมีให้เลือกแบบหนังสังเคราะห์สีดําหรือสีเทาอ่อนขึ้นอยู่กับสีภายนอก โดยออกแบบให้ดูสปอร์ตและโฉบเฉี่ยวแต่นั่งได้สะดวกสบาย นอกจากนี้ระบบอินโฟเทนเมนตร์ยังรองรับแอปพลิเคชันต่างๆ รวมถึง Apple Car Play ไร้สาย และ Android Auto พร้อมด้วยฟังก์ชัน Wi-Fi ในรถยนต์ช่วยให้ผู้โดยสารสามารถเชื่อมต่อได้ทุกที่ การอัปเดตซอฟต์แวร์แบบ Over-the-air ที่สามารถอัปเดตฟังก์ชันและแอปต่างๆ ได้จากระยะไกล เพื่อให้มั่นใจได้ว่ารถจะได้รับการอัปเดตการทำงานของระบบให้ทันสมัยอยู่เสมอ โดยไม่ต้องนำรถเข้าศูนย์บริการ*
ประสิทธิภาพแบตเตอรี่อันดีเยี่ยม ชาร์จได้หลายแบบและสม่ำเสมอต่อเนื่อง
แบตเตอรี่ลิเธียมไอออนความจุ 68.8 kWh ขนาดคอมแพคท์ ที่ติดตั้งใต้พื้นตัวรถ ทำให้ฮอนด้า e:Ny1 วิ่งได้ไกลสูงสุด 412 กม. (ตามมาตรฐาน WLTP) และชาร์จไฟได้อย่างรวดเร็ว ตั้งแต่ 10% ไปถึง 80% โดยใช้เวลาประมาณ 45 นาที เมื่อใช้ที่ชาร์จแบบ DC ต่อเข้ากับหัวชาร์จ CCS ซึ่งสามารถรชาร์จไฟเพื่อวิ่งต่อได้อีก 100 กม. ภายในเวลา 11 นาทีเท่านั้น สำหรับที่ชาร์จไฟบ้านแบบ AC จะสามารถชาร์จไฟ 10-80% ของความจุได้ภายในเวลา 6 ชั่วโมง
เทคโนโลยีความปลอดภัยอัจฉริยะ Honda SENSING ด้วยประสิทธิภาพของเทคโนโลยีกล้องและโซนาร์ล่าสุดของ ฮอนด้า e:Ny1
ระบบที่เข้ามาช่วยเสริมประสิทธิภาพของกล้องคือ การทำงานของเซนเซอร์โซนาร์ 12 จุดรอบคันรถ แบ่งเป็น 4 จุดที่บริเวณกันชนหน้าและหลัง และด้านข้าง ข้างละ 2 จุด ที่สามารถตรวจจับวัตถุ เช่น อาคาร และพาหนะอื่นๆ ด้วยความแม่นยําสูง ระบบกล้องและโซนาร์จะทำงานร่วมกันเพื่อยกระดับความปลอดภัยโดยรวม ทำให้ ฮอนด้า e:Ny1 สามารถระบุสัญลักษณ์บนพื้นถนนและริมถนนที่ไม่มีเส้นได้ ซึ่งรวมถึงรถจักรยานยนต์ นักปั่นจักรยาน และยานพาหนะอื่นๆ ได้อย่างครอบคลุม
เป็นไงบ้างคะ ใครที่ไม่ได้ไปเยี่ยมชมบูธฮอนด้า ในงาน JAPAN MOBILITY SHOW 2023 ที่ ประเทศญี่ปุ่น ไม่ต้องเสียใจน้า,,,เพราะทีมงาน Autosocieties ได้เก็บรายละเอียดและภาพบรรยากาศภายในบูธมาฝากแฟนๆ ทุกท่านแล้วจ้า…