เมื่อความฝันหลากสีกลายเป็นจริง ปอร์เช่ ประเทศไทย เนรมิตงานเผยโฉม 911 คาร์เรร่า จีทีเอส รุ่นลิมิเต็ดเอดิชั่น ทั้ง 7 สี เพื่อเฉลิมฉลองในโอกาสครบรอบ 30 ปี
เมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ปอร์เช่ ประเทศไทย โดย เอเอเอส กรุ๊ป ได้เผยโฉมของขวัญชิ้นพิเศษ ที่เป็นตัวแทนแห่งความภาคภูมิใจของประเทศไทย สรรสร้างมาจากเรื่องราวของวัฒนธรรมไทยโดยการสะท้อนถึงสีประจำแต่ละวัน นั่นคือ ปอร์เช่ 911 คาร์เรรา จีทีเอส รุ่นเฉลิมฉลองวาระครบรอบ 30 ปี ปอร์เช่ ประเทศไทย ถือเป็นรถลิมิเต็ดคอลเลกชั่น ที่มีจำนวนจำกัดเพียง 30 คันเท่านั้น และเพื่อให้ความสำคัญกับไอคอนิคพิเศษนี้ ปอร์เช่ประเทศไทย ได้นำสุดยอดรถไอคอนิคทั้ง 7 คัน 7 สี มาเปิดตัวอย่างเป็นทางการให้กับลูกค้าผู้ครอบครองได้ยลโฉมกันแบบเอ็กซ์คลูซีฟเป็นครั้งแรก ณ เดอะเฮาส์ ออน สาทร
ปอร์เช่ ประเทศไทย โดย เอเอเอส กรุ๊ป ภูมิใจนำเสนอยนตรกรรมปอร์เช่ 911 คาร์เรร่า จีทีเอส (Porsche 911 Carrera GTS) รุ่นลิมิเต็ด เอดิชั่น (Porsche Thailand Edition) ทั้ง 7 สี ที่ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี มาเผยโฉมแบบเอ็กซ์คลูซีฟ ณ เดอะ เฮ้าส์ ออน สาทร กรุงเทพฯ
ท่ามกลางบรรยากาศยามเย็น ที่อบอวลไปด้วยความสุข สนุกสนานเเละความประทับใจกับงานเลี้ยงฉลองส่งท้ายแคมเปญครบรอบสุดพิเศษนี้ โดยงานนี้ได้รับเกียรติจากบุคคลสำคัญที่เป็นผู้ครอบครองรถสปอร์ตปอร์เช่ 911 คาร์เรร่า จีทีเอส (Porsche 911 Carrera GTS) รุ่นลิมิเต็ด เอดิชั่น (Porsche Thailand Edition) รวมไปถึง บุคคลสำคัญที่ต่างหลงใหลในแบรนด์ปอร์เช่ และแขกผู้มีเกียรติจากชมรมคนรักปอร์เช่ในภูมิภาคเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ ให้เกียรติเข้าร่วมงานกันอย่างคับคั่ง
หนึ่งในไฮไลท์ที่น่าสนใจในค่ำคืนนี้ คือ เราได้รับเกียรติจากคุณ แกรนท์ ลาร์สัน (Grant Larson) ผู้อำนวยการโครงการพิเศษ แผนก Porsche Styling มาร่วมพูดคุยบนเวที โดยคุณ แกรนท์เป็นผู้มีบทบาทสำคัญในการออกแบบผลงานชิ้นเอกสุดเอ็กซ์คลูซีฟชิ้นนี้ ทำให้ผู้ร่วมงานได้มีโอกาสเจาะลึกกระบวนการสร้างสรรค์และแรงบันดาลใจที่อยู่เบื้องหลังรุ่นลิมิเต็ด
911 คาร์เรรา จีทีเอส – รุ่นเฉลิมฉลองวาระครบรอบ 30 ปีปอร์เช่ ประเทศไทย (911 Carrera GTS – 30 Years Porsche Thailand Edition) โดดเด่นและกลายเป็นสุดยอดรถน่าสะสม โดยรถแต่ละคันได้รับการสรรสร้างจาก 1 ใน 7 สีจากหมวด Paint to Sample (PTS) ซึ่งถือเป็นสีที่สะท้อนการเชิดชูและความมีเสน่ห์ของวัฒนธรรมขนบธรรมเนียมไทย ผ่านการกำหนดสีประจำวันในแต่ละสัปดาห์ให้มีความหมาย
ผู้เชี่ยวชาญด้านงานศิลปะและช่างฝีมือที่แผนก Porsche Exclusive Manufaktur ได้ทำการเพิ่มองค์ประกอบและปรับแต่งเพิ่มเติม เพื่อให้มั่นใจว่ารถสปอร์ตรุ่นนี้กลายเป็นชิ้นงานศิลปะอย่างแท้จริง จะเห็นได้จากตัวล้อขนาด 20 และ 21 นิ้ว เซนเตอร์ล็อค ลายเทอร์โบ เอส (Turbo S) สีดำ ขอบสีก้านล้อภายนอกตกแต่งแบบทูโทนอันเป็นเอกลักษณ์เพื่อเสริมให้เข้ากับสีตัวถัง ในขณะที่ยังคงมาพร้อมกับดีไซน์สปอร์ตที่ได้รับการเสริมแต่งอย่างพิถีพิถันด้วยสีดำเงา
นอกจากนี้ ในรถทุกๆคัน จะมีแผ่นป้ายสลักพิเศษที่คำว่า “30 Years Porsche Thailand Edition” ตรงตำแหน่งเสาบี (B-pillars) ซึ่งเป็นชิ้นงานที่ประกอบติดด้วยมือ พร้อมปิดท้ายด้วยการรำลึกถึงประเทศไทย ด้วยแถบ 5 สี แดง ขาว น้ำเงิน เรียงตามสัญลักษณ์ของธงชาติไทย โดดเด่นอยู่บริเวณท้ายรถ
ปีเตอร์ โรห์เวอร์ (Peter Rohwer) กรรมการผู้จัดการ ปอร์เช่ ประเทศไทย โดย เอเอเอส กรุ๊ป ได้กล่าวถึงความรู้สึกต่อผลงานอันโดดเด่นนี้ว่า “ผมรู้สึกภาคภูมิใจเป็นอย่างยิ่งที่ได้เห็นความสำเร็จของผลงานอันแสนพิเศษนี้ เนื่องจากสีทั้ง 7 สี ที่เป็นเอกลักษณ์ของ 911 คาร์เรร่า จีทีเอส รุ่นลิมิเต็ด เอดิชั่น โดยรุ่น 30 ปี ปอร์เช่ ประเทศไทย ได้ถูกนำมาเผยโฉมพร้อมกันอย่างเป็นทางการแล้ว ช่วงเวลาสำคัญนี้ถือเป็นเครื่องพิสูจน์ถึงความร่วมมืออันแข็งแกร่ง ระหว่างปอร์เช่ เอจี (Porsche AG) และความทุ่มเทในรายละเอียดจากเพื่อนร่วมงานที่แผนก Porsche Exclusive Manufaktur รวมถึงการสนับสนุนจากลูกค้าคนสำคัญของเราด้วยความมุ่งมั่นตลอด 3 ทศวรรษที่ผ่านมา”
ฮานเนส รูออฟ (Hannes Ruoff) ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ปอร์เช่ เอเชีย แปซิฟิค (Porsche Asia Pacific) กล่าวเพิ่มเติมว่า “เรารู้สึกภาคภูมิใจเป็นอย่างยิ่งที่ได้เห็นสุดยอดยนตรกรรมสปอร์ตเหล่านี้มารวมตัวกัน รถแต่ละคันล้วนสะท้อนให้เห็นถึงสีสันของวัฒนธรรมไทยได้อย่างแท้จริง ผมเชื่อว่าผลงานในครั้งนี้ได้แสดงให้เราทุกคนเห็นว่า ปอร์เช่ได้ก้าวเข้าสู่หัวใจของคนไทย และประเทศไทยเป็นหนึ่งในใจของปอร์เช่ด้วยเช่นกัน สำหรับรถรุ่นลิมิเต็ด เอดิชั่นนี้ ไม่เพียงแต่จะเป็นการเฉลิมฉลองความหลงใหลในปอร์เช่เท่านั้น แต่ยังเป็นสัญลักษณ์ที่เชื่อมโยงอย่างลึกซึ้ง ระหว่างแบรนด์ของเรากับประเทศที่มีชีวิตชีวาและเต็มไปด้วยพลังและความมีสีสันนี้ เราตื่นเต้นกับการเดินทางสู่อนาคตของแบรนด์ปอร์เช่ (Porsche) และความสำเร็จอย่างต่อเนื่องของปอร์เช่ ประเทศไทย”