เปิดตัวรอบครั้งแรกของโลก ณ งาน Monterey Car Week เดือนสิงหาคม 2024

เปิดตัวรอบครั้งแรกของโลก ณ งาน Monterey Car Week เดือนสิงหาคม 2024

หนึ่งเดียวเท่านั้น กับ 911 สปีดสเตอร์ (911 Speedster) ที่ผลิตโดยแผนก Sonderwunsch

ตั้งแต่ปี 1954 รุ่น สปีดสเตอร์ (Speedster) เป็นส่วนหนึ่งของประวัติศาสตร์ของบริษัทปอร์เช่ (Porsche) โดยผสมผสานความสนุกในการขับขี่แบบเปิดหลังคาเข้ากับการขับขี่ที่มีความคล่องตัวอย่างโดดเด่น รถยนต์คันนี้มีลักษณะเด่นด้วยกระจกหน้าที่ถูกทำให้สั้นลงและฝากระโปรงหลัง ตั้งแต่ปี 1988 เมื่อ G-Series สิ้นสุดลง ปอร์เช่ (Porsche) ได้นำเสนอรถ 2 ที่นั่งประเภทนี้ และปี 1989 มีการผลิตรถที่ใช้พื้นฐานจากรุ่น 964 ยกเว้น 2 คันที่ผลิตเป็นพิเศษแบบ one-off ต่อมารุ่นที่สร้างขึ้นใหม่ในฐานะส่วนหนึ่งของการบูรณะโรงงาน ก็ไม่มี Speedster จากรุ่นที่ 4 ของ 911 รุ่น 993ในโปรแกรมรุ่นสายการผลิตปกติ ดังนั้น ลูก้า ทราซซี่ (Luca Trazzi) ผู้ชื่นชอบปอร์เช่ (Porsche) นักออกแบบ และนักสะสม สปีดสเตอร์ (Speedster) จึงทำให้ความฝันของเขาเกี่ยวกับ 911 Speedster เป็นจริงผ่านโปรแกรม Sonderwunsch ผลลัพธ์คือรถยนต์แบบ one-off ที่ผลิตเป็นพิเศษซึ่งอิงจากวิสัยทัศน์ส่วนบุคคลของนักออกแบบ

“ตอนเริ่มต้น ฉันมองไปรอบๆ แต่ไม่พบรถในฝันของฉัน ดังนั้นฉันจึงตัดสินใจที่จะสร้างมันขึ้นมาเอง” ลูก้า ทราซซี่ (Luca Trazzi) ได้กล่าวคำอันเป็นตำนานนี้ของเฟอร์รี่ ปอร์เช่ (Ferry Porsche) และนักออกแบบผู้ประสบความสำเร็จจากมิลานคนนี้ไม่ได้มีเพียงแค่ฝันเท่านั้น เขายังลงมือทำอีกด้วย เพื่อ 911 สปีดสเตอร์ (911 Speedster) รุ่น 993 ที่ขาดหายไปจากคอลเล็กชัน Speedster ของผู้หลงใหลในปอร์เช่ (Porsche) คนนี้

ลูก้า ทราซซี่ (Luca Trazzi) ได้ให้ทีมซอนเดอร์วุลช์ (Sonderwunsch) ที่ปอร์เช่ (Porsche) เพื่อทำให้โครงการของเขาเป็นจริง ซึ่งทำงานร่วมกับผู้เชี่ยวชาญ เขาทำให้รถในฝันของเขากลายเป็นความจริงขึ้นมา โดยใช้เวลามากกว่า 3 ปีในการสร้างรถยนต์ one-off ที่ผลิตเป็นพิเศษซึ่งใช้พื้นฐานจาก 911 คาร์เรร่า คาบลิโอเล็ต รุ่นตัวถัง 993 (911 Carrera Cabriolet – Type 993) จากปี 1994 รถ 2 ที่นั่งที่มีฝากระโปรงหลังที่โดดเด่นซึ่งได้รับการปรับแต่งทางเทคนิคอย่างครอบคลุม ได้เป็นหนึ่งในไฮไลท์ของ Monterey Car Week ประจำปีนี้ (เมื่อวันที่ 9 ถึง 18 สิงหาคม 2024) ที่แคลิฟอร์เนีย

กระบวนการสร้างสรรค์: เป็นลูกค้าและนักออกแบบในเวลาเดียวกัน

ลูก้า ทราซซี่ (Luca Trazzi) กล่าวว่า “ตอนผมเป็นเด็ก ผมหลงรักปอร์เช่ สปีดสเตอร์ (Porsche Speedster) มาก ผมต้องทำงานอย่างหนักเพื่อให้สามารถซื้อปอร์เช่ (Porsche) คันแรกของตัวเองได้ ซึ่งก็คือสปีดสเตอร์ 1600 ซูเปอร์ (Speedster 1600 Super) จากปี 1955 ตั้งแต่นั้นมา ผมใช้ชีวิตตามความฝันมาตลอด และ ความฝันนั้นคือการเติมเต็มคอลเล็กชันของผมด้วย 911 Speedster รุ่น 993 จากความหลงใหลขั้นสุด ผมได้ออกแบบในจินตนาการว่าโมเดลนี้น่าจะเป็นแบบใด ผมต้องการให้โครงการนี้รวมเอาองค์ประกอบเอกลักษณ์สไตล์ของ Speedster รุ่นก่อนๆ เพราะแม้ว่ารูปแบบตัวถังจะพัฒนาต่อเนื่องตลอดประวัติศาสตร์ของมัน แต่ยังคงรักษาความสง่างามและยึดมั่นในจุดเริ่มต้นเสมอ”

อเล็กซานเดอร์ ฟาบิก (Alexander Fabig) รองประธานฝ่าย Individualisation & Classic ที่ปอร์เช่ (Porsche) กล่าวว่า “ในรูปแบบนี้ และด้วยการปรับเปลี่ยนที่หลากหลาย 911 สปีดสเตอร์ (911 Speedster) จึงเป็น Factory One-Off แรกของเราสำหรับลูกค้า รถพิเศษแบบ one-off นี้แสดงให้เห็นว่าโปรแกรม Sonderwunsch ของเรา สามารถทำสิ่งที่เป็นไปได้ โดยอ้างอิงจาก ปอร์เช่ 911 (Porsche 911) คลาสสิกจากปี 1994 มากกว่านั้น ทีมโครงการยังสร้างแบบจำลองการออกแบบขนาดจริงของ Speedster ด้วย”

แกรนท์ ลาร์สัน (Grant Larson) ผู้อำนวยการฝ่ายออกแบบโครงการพิเศษ กล่าวว่า “การมีนักออกแบบเป็นลูกค้า นับเป็นประสบการณ์ที่น่าตื่นเต้นสำหรับผม เพราะ คุณลูก้า (Luca) และผม เราพูดภาษาเดียวกัน การร่วมมือของเราจึงเต็มไปด้วยความคิดสร้างสรรค์และมุ่งเน้นสู่เป้าหมาย เขายังมีส่วนร่วมในโครงการอย่างมากด้วยข้อเสนอแนะที่เฉพาะเจาะจง”

โครงการพิเศษนี้ เริ่มต้นด้วยการเยี่ยมชมคลังข้อมูลของบริษัทเพื่อศึกษาอย่างลึกซึ้งเกี่ยวกับประวัติของ Speedster และสรรสร้างแนวคิดเพิ่มเติม ทางด้าน ลูก้า ทราซซี่ (Luca Trazzi) มาถึงการประชุมครั้งแรกด้วยสมุดโครงการของเขาเองที่เต็มไปด้วยแบบร่างและภาพวาด มาพร้อมแนวคิดโครงการที่ชัดเจนและกำหนดไว้อย่างดีเกี่ยวกับวิธีที่เขาต้องการสร้าง Speedster ที่เป็นเอกลักษณ์ของตัวเอง สิ่งนี้ตรงกับปรัชญาของ Factory One-Off ซึ่งหมายความว่าก่อนรถยนต์ที่ผลิตเป็นพิเศษจะเสร็จสมบูรณ์ ความสนใจจะมุ่งเน้นไปที่กระบวนการพัฒนารถยนต์ที่สร้างสรรค์ร่วมกัน ลูกค้าจะกลายเป็นส่วนสำคัญของทีมโครงการ ติดตามการดำเนินการตามแนวคิดของพวกเขาอย่างใกล้ชิดจากมุมมองของผู้จัดการโครงการ

ในระหว่างการจัดทำโครงการ ลูก้า ทราซซี่ (Luca Trazzi) ได้เข้ามาเยี่ยมชมปอร์เช่ (Porsche) หลายต่อหลายครั้ง โดยใช้สิทธิประโยชน์จากบัตรประจำตัวที่บริษัทออกให้เขาสำหรับการร่วมโครงการนี้ จึงทำให้เขาได้เห็นขั้นตอนภายในมากมายสำหรับ Speedster ของเขา เช่น รถถูกแช่ในกระบวนการเคลือบด้วยการจุ่มเคมีที่ส่วนทำสีของโรงงาน ซึ่งโดยปกติจะใช้กับรถใหม่ที่อยู่ในกระบวนการผลิตปกติ จากนั้นเริ่มกระบวนการเคลือบด้วยมือทั้งหมด สีรถเหลืองสดสว่างไม่ได้พัฒนาขึ้นเพียงเพื่อเป็นสีเฉพาะสำหรับลูกค้าเท่านั้น แต่ชื่อของมันยังมีความเฉพาะบุคคลมาก เพราะมาจากชื่อของสุนัขของลูกค้าเอง คือ Otto ระหว่างการประชุม นักออกแบบได้ตั้งชื่อสีนี้ตามสัตว์เลี้ยง 4 ขาของเขาอย่างรวดเร็ว และชื่อ ‘Otto Yellow’ ก็เกิดขึ้น

ฟิลิป เซ็ตเตอร์ (Philipp Setter) ผู้จัดการฝ่ายการให้คำปรึกษาลูกค้า Sonderwunsch กล่าว “ฝากระโปรงหลังที่มีรูปทรงโค้งเว้าต้องใช้ความพยายามอย่างมากในขั้นตอนการออกแบบ การคิดค้น และการผลิต ในกรณีนี้เราก็สามารถปรับจูนวิสัยทัศน์การออกแบบของ ลูก้า ทราซซี่ (Luca Trazzi) ให้เข้ากับกระบวนการและมาตรฐานคุณภาพของปอร์เช่ (Porsche) ได้ ในที่สุดแล้ว หลักการของ Sonderwunsch ของเราคือ ‘คุณฝันถึงมัน เราสร้างมันขึ้นมา’ (‘You dream it. We build it.)”

ภายนอกและภายใน: การตีความใหม่ขององค์ประกอบสไตล์ Speedster

ฝากระโปรงหลังและกระจกหน้ารถเป็นลักษณะเฉพาะของ Speedster โดยมีขอบเพียงกรอบสีดำบางๆ ซึ่งทำให้มีความโดดเด่นมากขึ้น คุณลักษณะภายนอกที่เพิ่มเติม ได้แก่ กระจกมองข้างทรงกรวยสีดำในรูปแบบคลาสสิกของรถสปอร์ตจากยุค 1960 และไฟเดย์ไทม์แบบ 4 จุดของรถปอร์เช่ (Porsche) รุ่นใหม่ เส้นสายตัวถังสำหรับฝากระโปรงหลังได้รับการออกแบบใหม่ทั้งหมดโดย ลูก้า ทราซซี่ (Luca Trazzi)

Speedster ถูกทาด้วยสี Otto Yellow ซึ่งสีเหลืองที่โดดเด่นนี้ได้รับการพัฒนาขึ้นเป็นพิเศษสำหรับรถคันนี้โดยเฉพาะ ล้ออัลลอยขนาด 18 นิ้วในรูปแบบ Turbo ถูกทาด้วยสีดำ พร้อมลายเส้นสีเหลืองที่ตัดกัน แผ่นป้องกันเศษหินสีดำที่อยู่ด้านหน้าของล้อหลังเป็นองค์ประกอบการออกแบบที่ใช้งานได้และเป็นคุณสมบัติที่โดดเด่นจาก Speedster รุ่นก่อนๆ องค์ประกอบต่างๆ เหล่านี้เข้ากันได้ดีกับมือจับประตูสีดำและช่องระบายอากาศในสปอยเลอร์หน้า เพื่อให้ความเป็น Factory One-Off มีลักษณะสปอร์ต ผู้เชี่ยวชาญ Sonderwunsch ได้ดึงเอาสปอยเลอร์หน้า สเกิร์ตข้าง และปีกหลังจาก 911 Turbo (Type 993) มาใช้ ลักษณะของไฟเลี้ยว ไฟท้าย และแถบไฟได้รับการตีความใหม่

ภายในห้องโดยสาร สง่างามด้วยหนังสีดำพร้อมการเย็บตกแต่งสีเหลือง หมอนรองศีรษะมีโลโก้ Speedster ที่ปักไว้ ไฮไลท์ที่น่าสนใจของภายในนี้คือจุดศูนย์กลางของเบาะนั่ง ซึ่งมีลวดลายตารางสีเหลืองและดำ เป็นผลงานชิ้นเอกของงานฝีมือ โดยแต่ละตารางถูกตัดเย็บด้วยมือ ลวดลายเดียวกันประดับอยู่ที่ช่องเก็บสัมภาระด้านหน้าบุด้วยหนัง ที่คลุมรถ และกระเป๋าเดินทางที่เข้าชุดกัน องค์ประกอบคาร์บอนบนแผงหน้าปัด คอนโซลกลาง และคันเกียร์เบรกมือ เพิ่มความเป็นเอกลักษณ์ให้กับภายใน สำหรับด้านหลังของเบาะนั่งก็ทำจากคาร์บอนเช่นกัน เป็นครั้งแรกใน Porsche 911 รุ่น 993 ที่ขอบประตูคาร์บอนมีแสงส่องสว่าง ซึ่งแน่นอนว่าเป็นสี ‘Otto Yellow’ และมีโลโก้เฉพาะตัว

ระบบอินโฟเทนเมนต์ที่ทันสมัยพร้อมระบบนำทางและ Apple CarPlay มาพร้อมกับ Porsche Classic Communication Management (PCCM) อุปกรณ์ที่ติดตั้งเพิ่มเติมเหล่านี้ซึ่งพัฒนาโดยแผนก Porsche Classic เพื่อเปิดโลกดิจิทัลให้กับรถคลาสสิกและรถยนต์ร่วมสมัยของแบรนด์ หน้าจอเริ่มต้นยังได้รับการปรับแต่งเฉพาะสำหรับลูกค้า

สวิตช์สำหรับกระจกไฟฟ้ายังใส่ใจในรายละเอียด โดยได้รับการออกแบบใหม่เพื่อแสดงเส้นข้างแบบ Speedster ที่เป็นเอกลักษณ์ แผ่นป้าย ‘One-off’ ที่ทำจากทองคำบนแผงหน้าปัดเป็นพยานถึงความเป็นเอกลักษณ์ของรถคันนี้

ระบบส่งกำลังที่มากขึ้น

เครื่องยนต์ ระบบช่วงล่าง ระบบพวงมาลัย และระบบเบรกมาจาก 911 คาร์เรร่า อาร์เอส (911 Carrera RS) 993 ในขณะนั้น เครื่องยนต์บ็อกเซอร์ 6 สูบที่ระบายความร้อนด้วยอากาศเป็นเครื่องยนต์ที่มีพละกำลังมากที่สุดจากปอร์เช่ (Porsche) โดยมีความจุ 3.8 ลิตร ให้กำลัง 221 กิโลวัตต์ / 300 แรงม้า

จนถึงปัจจุบันมีรถ 911 คาร์เรร่า สปีดสเตอร์ (911 Carrera Speedster) ที่อิงตัวถังจากรุ่น 993 เพียง 2 คัน คันแรกพัฒนาขึ้นในปี 1995 โดยแผนก Exclusive สำหรับ Ferdinand Alexander Porsche โดยเฉพาะ รถคันนี้มีสีเขียว มาพร้อมล้ออัลลอยขนาด 17 นิ้วและเกียร์ Tiptronic อิงแบบตัวถังของคาร์เรร่า และรถคันนี้กำลังกลับเข้าสู่พิพิธภัณฑ์ของโรงงาน เนื่องจากยืมมาจากครอบครัวปอร์เช่ ส่วนอีกคันหนึ่งเป็น 911 Speedster (993) ที่สร้างขึ้นในปี 2001 สำหรับนักแสดงชาวอเมริกัน เจอร์รี ไซน์เฟลด์ (Jerry Seinfeld) โดยอิงตัวถังจากหนึ่งใน 993 คาบลิโอเล็ต (Cabriolets) รุ่นสุดท้ายจากปี 1998 ดาราซิทคอมคนนี้ได้รับ Speedster สีเงินของเขาเป็นรุ่น Turbo-width 4S พร้อมล้อขนาด 18 นิ้ว

Speedster ที่นำเสนอนี้ไม่เพียงแต่มีเรื่องราวต้นกำเนิดที่แตกต่างกันเท่านั้น แต่ยังแตกต่างจากรุ่นก่อนหน้าด้วยการออกแบบที่เป็นเอกลักษณ์และส่วนประกอบทางเทคนิคที่ไม่เหมือนใคร

Factory One-Off: รูปแบบที่มีความพิเศษที่สุดของโปรแกรม Sonderwunsch

ปอร์เช่ (Porsche) กำลังตีความโปรแกรม Sonderwunsch อันโด่งดังจากปลายทศวรรษ 1970 ใหม่ เพื่อให้สามารถสร้างสรรค์รถยนต์ที่เป็นเอกลักษณ์แบบหนึ่งเดียว โดยลูกค้าเป็นผู้ร่วมออกแบบและปอร์เช่ (Porsche) เป็นผู้ดำเนินการอย่างมืออาชีพ ตัวเลือกการปรับแต่งนี้สามารถใช้ได้กับรถปอร์เช่ (Porsche) ที่ได้รับการอนุมัติให้ใช้งานบนถนนทุกยุคทุกสมัย ขึ้นอยู่กับรถที่เลือก งานที่ดำเนินการจะทำโดยผู้เชี่ยวชาญจากแผนกส่วนงาน Porsche Exclusive Manufaktur หรือ Porsche Classic

จะเกิด 3 เหตุการณ์สำคัญขึ้นในกระบวนการสร้าง Sonderwunsch Factory One-Off ขั้นตอนแรกจะเริ่มต้นด้วยแนวคิดของลูกค้า ซึ่งพวกเขาจะสื่อสารกับฝ่ายที่ปรึกษาลูกค้า Sonderwunsch ผ่านศูนย์ปอร์เช่ (Porsche Centre) ของตน หากหลังจากการประเมินเบื้องต้น ผู้เชี่ยวชาญของปอร์เช่ (Porsche) พิจารณาแนวคิดว่าเป็นไปได้ ปอร์เช่ (Porsche) จะเชิญลูกค้าเข้าร่วมประชุมโครงการ ในระยะการออกแบบ สเปคต่างๆ จะถูกจัดทำร่วมกับนักออกแบบและผู้เชี่ยวชาญจากแต่ละด้าน ในตอนท้าย ลูกค้าจะตัดสินใจว่าจะดำเนินโครงการต่อไปหรือไม่

ในขั้นตอนที่ 3 ส่วนประกอบจะได้รับการพัฒนาและรถจะถูกสร้างขึ้น แผนกออกแบบ วิศวกรรม และการพัฒนาทำงานอย่างใกล้ชิดกับช่างซ่อมบำรุงเครื่องยนต์ ช่างทำตัวถัง และผู้เชี่ยวชาญด้านสีที่โรงงานผลิตของปอร์เช่ (Porsche) หากจำเป็น ผู้เชี่ยวชาญจากศูนย์พัฒนาในไวส์ซาค (Weissach) หรือส่วนพื้นที่อื่นๆ ของบริษัทก็สามารถถูกเรียกใช้งานได้ และสามารถใช้สิ่งอำนวยความสะดวกในการทดสอบ เช่น เครื่องทดสอบเครื่องยนต์ รถยนต์ในฝันจะค่อยๆ ก่อตัวขึ้นขึ้น ผ่านงานฝีมือพร้อมกับการมีส่วนร่วมของลูกค้าอย่างต่อเนื่อง

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *