C 400 GT รุ่นใหม่ล่าสุด สกู๊ตเตอร์สายทัวริ่งสำหรับทุกเส้นทาง
บีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด ประเทศไทย เผยโฉมมอเตอร์ไซค์ใหม่ล่าสุด C 400 GT สกู๊ตเตอร์ขนาดกลางที่มาสานต่อความสำเร็จของรุ่นก่อนหน้าที่เป็นสองล้อคู่ใจของไบค์เกอร์ในทุกโอกาส ด้วยสมรรถนะและดีไซน์ที่โดดเด่นครบครัน ยกจิตวิญญาณของมอเตอร์ไซค์ทัวริ่งมาจุดประกายให้นักบิดไทยได้ตื่นเต้นและเพลิดเพลินไปกับการโลดแล่นบนท้องถนนแบบครบเครื่องทั้งความเร็ว ความปลอดภัย และสไตล์เฉพาะตัว โดยบีเอ็มดับเบิลยู C 400 GT ใหม่ ได้รับการยกระดับอย่างรอบด้าน นับตั้งแต่เครื่องยนต์ที่มาพร้อมระบบ E-gas ไปจนถึงสีใหม่ที่เติมความโฉบเฉี่ยวให้สะดุดตายิ่งกว่า
มร. มิเกล ญาเบรส-โปห์ล ผู้อำนวยการ บีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด เอเชียตะวันออกเฉียงใต้และผู้นำเข้าภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก กล่าวว่า “บีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด ประเทศไทย ยินดีเป็นอย่างยิ่งที่จะได้มอบความตื่นตาตื่นใจให้แก่ลูกค้า ด้วยมอเตอร์ไซค์และสกู๊ตเตอร์หลากหลายรุ่นที่เปี่ยมทั้งสมรรถนะ และสไตล์ในการขับขี่ เพื่อมอบประสบการณ์ที่แตกต่าง สำหรับบีเอ็มดับเบิลยู C 400 GT เป็นอีกรุ่นหนึ่งที่ประสบความสำเร็จมากของเรา ด้วยเอกลักษณ์ที่ผสานความสนุกของการเดินทางระยะไกลบนท้องถนน เข้ากับความเป็นสกู๊ตเตอร์สำหรับชีวิตคนเมืองแบบเต็มตัว และใน C 400 GT รุ่นใหม่นี้มีการตอบสนองที่รวดเร็วยิ่งขึ้น เพิ่มความปราดเปรียว เสริมเสน่ห์ของการขับขี่ เราจึงมั่นใจว่าจะสามารถยกระดับความประทับใจของลูกค้าขึ้นไปอีก ด้วยการสร้างมาตรฐานใหม่ในกลุ่มสกู๊ตเตอร์ขนาดกลาง”
เครื่องยนต์ 1 สูบที่ยังทรงพลัง พร้อม E-gas ระบบควบคุมเครื่องยนต์ใหม่ และคลัทช์แบบแรงเหวี่ยง
บีเอ็มดับเบิลยู C 400 GT ใหม่ ยังคงขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ 1 สูบตัวเดิม พร้อมระบบระบายความร้อนด้วยน้ำ ส่งพละกำลังสูงสุดที่ 25 กิโลวัตต์ (34 แรงม้า) ที่ 7,500 รอบต่อนาที และแรงบิดสูงสุด 35 นิวตันเมตรที่ 5,570 รอบต่อนาที เครื่องยนต์นี้ทำงานประสานกับระบบเกียร์ CVT และระบบกันสะเทือนล้อหลังที่ผสานนวัตกรรมใหม่เพื่อลดการสั่นสะเทือนและเสริมความสบายระหว่างการขับขี่ และด้วยการรับรองมาตรฐานมลภาวะระดับ EU 5 บีเอ็มดับเบิลยู C 400 GT ใหม่ จึงเป็นสกู๊ตเตอร์คู่ใจที่พร้อมสนุกไปด้วยกันในทุกจังหวะการขับขี่
เพื่อยกระดับความคล่องแคล่วของ บีเอ็มดับเบิลยู C 400 GT ใหม่ เครื่องยนต์ชุดนี้จึงทำงานควบคู่กับระบบ E-gas หรือคันเร่งระบบไฟฟ้า พร้อมวาล์วระบบไฟฟ้าและระบบควบคุมเครื่องยนต์ที่พัฒนาขึ้นใหม่ ขณะที่ความเปลี่ยนแปลงในหลากหลายองค์ประกอบ นับตั้งแต่ระบบไอเสียที่มีประสิทธิภาพดีขึ้น ไปจนถึงการปรับแต่งระบบควบคุมการทำงานของเครื่องยนต์ในเกียร์ว่าง ยังช่วยให้สกู๊ตเตอร์รุ่นใหม่นี้ตอบสนองฉับไวในทุกจังหวะ และการเดินเครื่องที่ราบรื่น นุ่มนวลยิ่งขึ้นขณะใช้เกียร์ว่าง ขณะที่ชุดสปริงใหม่ในระบบคลัทช์แบบแรงเหวี่ยงก็ช่วยให้ตัวเครื่องทำงานได้นิ่งขึ้นด้วยเช่นกัน
Automatic Stability Control (ASC) พร้อมระบบตั้งค่าอัตโนมัติ
อีกหนึ่งความเปลี่ยนแปลงทางเทคนิคที่โดดเด่นใน บีเอ็มดับเบิลยู C 400 GT ใหม่ คือการเพิ่มประสิทธิภาพให้กับระบบ Automatic Stability Control (ASC) ซึ่งสามารถปรับการตั้งค่าตัวเองได้แบบอัตโนมัติเมื่อจำเป็น เช่นในกรณีที่เปลี่ยนยาง นอกจากนี้ ระบบ ASC ใหม่นี้ยังออกแบบมาให้ทำงานด้วยระดับแรงเสียดทานที่ต่ำกว่าในรุ่นเดิม จึงทำให้รู้สึกได้อย่างชัดเจนถึงการตอบสนองที่ฉับไวขึ้น และการขับขี่ที่สบายขึ้น โดยเฉพาะบนพื้นถนนที่เปียกและลื่น ด้วยเหตุนี้เอง ผู้ขับขี่จึงไม่จำเป็นต้องปิดการใช้งาน ASC อีกต่อไป และสามารถเร่งตัวรถไปสู่ความเร็วสูงสุดที่ 139 กิโลเมตรต่อชั่วโมงได้อย่างมั่นใจ
ระบบเบรกล้อหน้าใหม่ พร้อมปรับความไวของคันเบรกหน้าและหลัง
และเพื่อประสบการณ์การขับขี่ที่ยอดเยี่ยมยิ่งขึ้น ระบบเบรกของบีเอ็มดับเบิลยู C 400 GT ใหม่ มาพร้อมกับคาลิเปอร์ใหม่ที่ช่วยให้ระบบดิสก์เบรกคู่ที่ล้อหน้าทำงานได้แม่นยำมากขึ้น สัมผัสได้ถึงจังหวะออกแรงเบรกอย่างชัดเจนยิ่งขึ้น และปรับการเคลื่อนตัวของลูกสูบดิสก์เบรกให้ดียิ่งขึ้น ควบคู่ไปกับการตั้งค่าคันเบรกล้อหลังที่มือซ้ายและคันเบรกล้อหน้าที่มือขวาให้ทำงานด้วยแรงกดสมดุลกันอย่างลงตัว
ช่องเก็บสัมภาระที่มาพร้อมกับระบบไฟและช่องเสียบสายชาร์จ USB
เพื่อช่วยในการมองเห็น ระบบไฟส่องสว่างในช่องเก็บสัมภาระได้ถูกเปลี่ยนตำแหน่งให้ส่องแสงลงมาจากด้านบนแทนที่จะเป็นด้านข้าง ส่วนช่องเก็บสัมภาระนี้อยู่ในบริเวณใต้เบาะนั่งซึ่งได้รับการออกแบบใหม่ให้นั่งสบายกว่าที่เคย โดยนอกจากช่องต่อไฟแบบ 12 โวลต์แล้ว ช่องเก็บของด้านหน้ายังมาพร้อมกับช่องเสียบสายชาร์จ USB อีกด้วย (ช่องเก็บสัมภาระขนาด 31 ลิตร ซึ่งสามารถขยายได้ถึง 45 ลิตรหากติดตั้ง Flexcase)
มาดใหม่กับสีใหม่ “Triple Black”
บีเอ็มดับเบิลยู C 400 GT ใหม่ ยังคงรักษารูปลักษณ์เฉพาะตัวในสไตล์ของ บีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด ไว้เช่นเคย แต่เสริมความโฉบเฉี่ยวสะดุดตาด้วยรุ่น “Triple Black” ที่มาในสีดำ Blackstorm metallic พร้อมลายคาดสีด้าน ในราคา 429,000 บาท ขณะที่รุ่นมาตรฐานในสีขาว Alpine White ก็ยังเป็นทางเลือกให้จับจองเป็นเจ้าของที่ราคา 419,000 บาท