เรซที่ดีที่สุดของไทยสู่เรซอันดับหนึ่งแห่งเอเชีย พร้อมเผยแผนรุกตลาดต่างชาติในปี 2024
ศึก โออาร์ บีอาร์ไอซี ซูเปอร์ไบค์ แชมเปี้ยนชิพ 2023 รูดม่านปิดฤดูกาลอย่างสุดประทับใจ พร้อมทั้งความสำเร็จยิ่งใหญ่ในการปรับเรซสู่อินเตอร์ นักบิดหน้าใหม่ ดาวดังทั่วฟ้าเมืองไทย-เทศหลากหลายประเทศชิงชัย ด้านบอสใหญ่สนามช้างฯ “ตนัยศิริ” เผยเตรียมปรับกติกาใหม่อีกครั้งในปีหน้า รักษามาตรฐานเรซที่ดีที่สุดของไทยและก้าวสู่เรซอันดับหนึ่งของเอเชียในอนาคต พร้อมกางแผนรุกตลาดต่างประเทศ ดึงนักบิดต่างชาติดวลคันเร่งมากยิ่งขึ้น ขยายฐานผู้ชม จุดพลุส่งเสริมทั้งท่องเที่ยวและกีฬาอย่างครบทุกมิติ
จบไปแล้วสำหรับการแข่งขันรถจักรยานยนต์ทางเรียบชิงแชมป์ประเทศไทย รายการ โออาร์ บีอาร์ไอซี ซูเปอร์ไบค์ แชมเปี้ยนชิพ ฤดูกาล 2023 แข่งขัน 4 สนาม 5 เรซ พร้อมความสำเร็จในทุกด้าน ด้วยทัพนักบิดทั้งไทยและต่างชาติกว่า 200 คน จาก 120 ทีม มีนักแข่งต่างชาติ จากหลากหลายประเทศ อาทิ อังกฤษ, อเมริกา, ออสเตรเลีย, อิตาลี, รัสเซีย, อินเดีย, ญี่ปุ่น ที่ลงหวดคันเร่งคับคั่ง
นายตนัยศิริ ชาญวิทยารมณ์ กรรมการผู้อำนวยการ สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต กล่าวว่า โออาร์ บีอาร์ไอซี ซูเปอร์ไบค์ แชมเปี้ยนชิพ ปีที่ 9 ปิดฤดูกาลด้วยความสำเร็จ ตามแนวทางที่วางไว้ไม่ว่าจะเป็นการสนับสนุนและพัฒนาการแข่งขันตั้งแต่ นักแข่งหน้าใหม่ที่ลงแข่งครั้งแรก นักแข่งดาวรุ่ง นักแข่งระดับกลางที่ต้องการพัฒนาฝีมือ ไปจนถึงจุดสูงสุดของพีระมิตคือนักบิดระดับอาชีพ ในรุ่นโปร เป็นสังเวียนชิงแชมป์ประเทศที่ใช้ลับฝีมือสู่การแข่งขันระดับนานาชาติ โดยต่อยอด ได้รับสิทธิ์ไวลด์การ์ดไปแข่งขันในรายการ Asia Road Racing Championship 2024 ซึ่งเป็นอีกหนึ่งรายการสำคัญของภูมิภาค
นอกจากนี้ยังมีซัพพอร์ตเรซจากค่ายรถจักรยานยนต์ชื่อดัง ฮอนด้าและยามาฮ่า ที่เพิ่มรุ่นการแข่งขันกันอย่างคึกคักให้โอกาสนักบิดหน้าใหม่ได้ลงแข่งขัน ไม่ว่าจะเป็น Honda Thailand Talent Cup, Honda CBR Trophy 1000 และ Yamaha R1 Cup, Yamaha Moto Challenge, Yamaha R3 bLU cRU Thailand Cup
โดยสนามปิดฤดูกาลปีนี้มีความพิเศษคือ นักแข่งในระดับตำนานของประเทศไทย ทั้ง”ฟิล์ม” รัฐภาคย์ วิไลโรจน์ อดีตนักบิดโมโตทูชาวไทยคนแรก และแชมป์เวิลด์ ซูเปอร์สปอร์ตครั้งประวัติศาสตร์ในโฮมเรซ, “ตั้น” เดชา ไกรศาสตร์ อดีตแชมป์เอเชีย 2 สมัย และ “บอล” สุหทัย แช่มทรัพย์ ลงทำการแข่งขัน 2 เรซสุดท้าย ทำให้เรซนี้ กลายเป็นเรซที่ดีที่สุด สนุก มีสีสันและมีเสน่ห์อย่างมาก เชื่อว่าแฟนมอเตอร์สปอร์ต ยังคงคิดถึงนักแข่งตำนานเหล่านี้
“ในปี 2023 เป็นปีแรกที่รุ่นใหญ่ที่สุดของไทย ซูเปอร์ไบค์ 1,000 cc ปรับกติกาเป็นกติกาเดียวกับการแข่งขันเอเชีย โร้ด เรซซิ่ง โดยสนามช้างฯเป็นเจ้าภาพการแข่งขันเอเชียถึง 2 สนาม ได้แก่ สนามเปิดและปิดฤดูกาล ดังนั้นการปรับกติกามาใช้รูปแบบเดียวกัน จะทำให้นักแข่ง ทีมแข่งไทยได้เปรียบในการแข่งขันเอเชีย โร้ด เรซซิ่งมากขึ้น เนื่องจากได้ใช้รถและลงแข่งขันในรูปแบบเดียวกัน กติกาเดียวกันถึง 5 เรซ”
ส่วนในฤดูกาลหน้าของ OR BRIC Superbike ก็จะมีการปรับเปลี่ยนกติกาในส่วนของรุ่นรถที่ทำการแข่งขัน รวมทั้งมีแผนในการรุกตลาดต่างประเทศ ขยายฐานผู้ชม โดยร่วมมือกับทีมแข่งต่างๆ ประชาสัมพันธ์ และดึงนักบิดจากนานาชาติให้เข้ามาลงทำการแข่งขันมากขึ้น ซึ่งในส่วนนี้จะช่วยยกระดับทั้งในด้านมอเตอร์สปอร์ตและเป็นมิติในเรื่องท่องเที่ยวของไทย สามารถสร้างรายการแข่งขันที่เป็นที่รู้จักทั่วโลกด้วย”
ทั้งนี้ หนึ่งในแรงขับเคลื่อนไปสู่ความสำเร็จของ ศึก โออาร์ บีอาร์ไอซี ซูเปอร์ไบค์ แชมเปี้ยนชิพ คือผู้สนับสนุนหลักอย่าง บริษัท ปตท.น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือโออาร์ รวมถึงพาร์ตเนอร์สำคัญอย่าง เครื่องดื่มตราช้าง, รถยนต์และรถจักรยานยนต์ฮอนด้า, บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด, บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด, บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน), ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน), บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน), หมวกกันน็อกเรียล, ผ้าเบรคเน็กซ์เตอร์, บริดจสโตน โมโต ไทยแลนด์, ไออาร์ซี, การกีฬาแห่งประเทศไทย และการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย
นายไพศาล อุดมกุลวณิชย์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านธุรกิจหล่อลื่น บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ โออาร์ กล่าวว่า โออาร์ได้เล็งเห็นศักยภาพและผลักดันนักแข่งไทย พัฒนาฝีมืออย่างต่อเนื่อง โดยได้ทำการสนับสนุนต่อเนื่องเป็นปีที่ 7 โดยเป็นสปอนเซอร์หลักรายการแข่งขัน เวทีสูงสุดของไทย เพื่อให้สามารถพัฒนาฝีมือสู่ระดับโลกต่อไป นอกจากนี้ยังเป็นไตเติ้ลสปอนเซอร์ ศึกสองล้อรายการที่ใหญ่ที่สุดในโลก โมโตจีพี สนามประเทศไทย ภายใต้ชื่อ โออาร์ ไทยแลนด์ กรังปรีซ์ อีกด้วย
ทั้งยังพัฒนาน้ำมันเชื้อเพลิงที่สามารถนำมาใช้ในการแข่งขันมอเตอร์สปอร์ต อาทิ น้ำมันแก๊สโซฮอล์ 95 เกรดพรีเมียมสูตรใหม่ ช่วยให้เครื่องยนต์เร่งแรงเต็มขุมพลังมากยิ่งขึ้น รวมทั้ง น้ำมันหล่อลื่น “ชาเลนเจอร์ ซูเปอร์ไบค์ เรซซิ่ง” นวัตกรรมเรซซิ่งฟอร์มูล่า ที่ออกแบบ พัฒนาและทดสอบร่วมกับนักแข่งในสนามแข่งขันจริง เพื่อใช้ในการแข่งขันโดยเฉพาะ ซึ่งการแข่งขันสนามชิงแชมป์ประเทศไทยในรายการนี้ จะเป็นการสร้างแรงบันดาลใจแรงผลักดันให้นักแข่งไทยสู่การแข่งขันระดับนานาชาติและระดับโลกต่อไป
ทั้งนี้ หลังจบการแข่งขันได้มีการจัดงาน Champion Day เพื่อมอบรางวัลและฉลองแชมป์ประจำปีให้กับผู้ที่สร้างผลงานยอดเยี่ยมตลอดทั้งฤดูกาลของทุกรุ่น
นักบิดที่สามารถคว้าแชมป์ประจำปีรุ่นใหญ่ที่สุดอย่าง ซูเปอร์ไบค์ 1,000 ซีซี เอสบี 1 โปร ได้แก่ “ชิพ” นครินทร์ อธิรัฐภูวภัทร์ จาก ฮอนด้า เรซซิ่ง ไทยแลนด์ กวาดชัยชนะ 5 เรซรวด พร้อมรับสิทธิ์ไวลด์การ์ดไปแข่งขัน เอเชีย โร้ด เรซซิ่ง ส่วนซูเปอร์ไบค์ 1,000 ซีซี เอสบี 1 ได้แก่ วริทธิ์ ทองนพคุณ จาก จาก อีสต์ เอ็นเจที เรซซิ่ง ทีม, เอสบี 2 ได้แก่ ธนิต แก้รัมย์ จาก อีสต์ เอ็นเจที เรซซิ่ง ทีม, เอสบี 3 ได้แก่ พัชรวัฒน์ ธนทรัพย์วรากร จาก ฮานูย่า เรซซิ่ง ทีม
ส่วนแชมป์ประจำปีในรุ่น ซูเปอร์ สต็อก 1,000 ซีซี เอสที 1 และได้รับสิทธิ์ไวลด์การ์ดแข่งขันเอเชีย โร้ด เรซซิ่ง ได้แก่ เพชราวุธ เพชรช่วย จาก จีพี เรซซิ่ง อุดรธานี, รุ่นเอสที 2 ได้แก่ สุรศักดิ์ นิชรอด จาก สปีด 800 ยัวซ่า ยามาฮ่า ส.อรุณ, เอสที3 ได้แก่ เดชฤทธิ์ เฉวียงวงศ์ จาก ยอมมี่ พีอาร์เอส ครูกันใจดี ลาบ เรซซิ่ง ทีม
แชมป์ประจำปี ซูเปอร์สปอร์ต 600 ซีซี เอสเอส1 โปร และได้รับสิทธิ์ไวลด์การ์ดแข่งขันเอเชีย โร้ด เรซซิ่ง ได้แก่ “มุกข์” มุกข์ลดา สารพืช นักบิดสาวแกร่งจาก ฮอนด้า เรซซิ่ง ไทยแลนด์, ซูเปอร์สปอร์ต 600 ซีซี เอสเอส1 ได้แก่ ต่อศักดิ์ นวลสาย จาก ทีเอ็นพี มอเตอร์สปอร์ต, เอสเอส2 ได้แก่ ปัญจพล จรุงกิจกูล จาก อีสต์ เอ็นเจที เรซซิ่ง ทีม
แชมป์ประจำปี ซูเปอร์สปอร์ต 400 ซีซี เอสเอส1 โปร ได้แก่ วัชรินทร์ ทับทิมอ่อน จาก อีสต์ เอ็นเจที เรซซิ่ง ทีม, รุ่นเอสเอส 1 ได้แก่ ภาสกร แสนหลวง จาก ยามาฮ่า ดัคแฮมส์ ดำ เรซซิ่ง ทีม, เอสเอส2 ได้แก่ ณัฐนันท์ สุวรรณโกสุม จากเน็กซ์เตอร์ โมริเทค เอวีอาร์พี เรซซิ่ง
แชมป์ประจำปี สปอร์ต โปรดักชั่น 400 ซีซี เอสพี ได้แก่ อาทิตย์ กังแฮ จาก ศักดิ์ศิริ บุรีรัมย์ ทีพีเอส เจ.เอ.เรซซิ่ง ทีม ส่วนสปอร์ต โปรดักชั่น 400 ซีซี เอสพี จูเนียร์ ได้แก่ ภคภัทร พึ่งเจริญ จาก ซีบี ไฟเบอร์กลาส สิทธิผล ดีไอดี วายเอสเอส กิตติ เรซซิ่ง ทีม