บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย มอบรางวัลด้านความยั่งยืน Dealer Sustainability Awards 2023 แก่ผู้จำหน่าย

บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย มอบรางวัลด้านความยั่งยืน Dealer Sustainability Awards 2023 แก่ผู้จำหน่าย

ตอกย้ำการดำเนินธุรกิจเพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลงทางสังคมและสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน

บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย ต่อยอดความมุ่งมั่นด้านการดำเนินธุรกิจที่คำนึงถึงสังคมและสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน ด้วยการประกาศรายชื่อผู้จำหน่าย 4 รายที่ได้รับรางวัลในการประกวด Dealer Sustainability Awards 2023 ซึ่งแสดงให้เห็นถึงวิสัยทัศน์ในการดำเนินธุรกิจและแนวทางในการขับเคลื่อนความยั่งยืนทางสังคมและสิ่งแวดล้อมอย่างเป็นรูปธรรม เพื่อผลักดันกลุ่มผู้จำหน่ายบีเอ็มดับเบิลยู และมินิ อย่างเป็นทางการให้ตระหนักถึงปัญหาสิ่งแวดล้อม รวมถึงริเริ่มแนวทางแก้ไข พร้อมขับเคลื่อนสู่การเปลี่ยนแปลงที่ยั่งยืน

การประกวดครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งของโครงการ CHOICEISYOURS 2023 ซึ่งได้ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่องเป็นปีที่สอง โดยมีเป้าหมายในการส่งเสริมแนวคิดด้านหลักเศรษฐกิจหมุนเวียน และการพัฒนาอย่างยั่งยืนในประเทศไทย ส่งเสริมการรังสรรค์และนำเสนอไอเดียด้านความยั่งยืนที่แปลกใหม่ และสามารถต่อยอดไปสู่โครงการอันเป็นรูปธรรมแก่ชุมชนในประเทศไทยได้ โดยแบ่งออกโครงการ CHOICEISYOURS เป็นสองส่วน คือการประกวดแนวคิดด้านความยั่งยืนสำหรับนิสิตนักศึกษาจากมหาวิทยาลัยในประเทศไทย ซึ่งได้ประกาศผู้ชนะทั้ง 6 ทีมไปในเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา และสำหรับเครือข่ายผู้จำหน่ายอย่างเป็นทางการของบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย เพื่อร่วมสร้างผลกระทบเชิงบวกในวงกว้างและทุกภาคส่วน

ทั้งนี้ การประกวดรางวัล Dealer Sustainability Awards 2023 มีผู้เข้าประกวดจากเครือข่ายผู้จำหน่ายอย่างเป็นทางการของบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย ทั่วประเทศ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในการแสดงความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม สังคม รวมถึงพนักงาน ของผู้จำหน่ายของบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย ซึ่งการมอบรางวัลในปีนี้ ครอบคลุมทั้งหมด 4 หัวข้อ ได้แก่ การลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ แนวคิดทรัพยากรหมุนเวียน การมีส่วนร่วมของพนักงาน และการส่งเสริมการใช้ยนตรกรรมไฟฟ้า โดยผู้เข้าร่วมการประกวดจะต้องแสดงให้เห็นถึงวิสัยทัศน์การดำเนินธุรกิจและการลงมือปฏิบัติจริงจนมีผลลัพธ์อันเป็นที่ประจักษ์ โดยตัดสินภายใต้เกณฑ์ตามหลักการ ESG หรือแนวคิดเกี่ยวกับการพัฒนาองค์กรอย่างยั่งยืน 3 ปัจจัยหลัก คือ ด้านสิ่งแวดล้อม (Environment) สังคม (Social) และธรรมาภิบาล (Governance)

มร. อเล็กซานเดอร์ บารากา ประธานและซีอีโอ บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย ได้กล่าวว่า “การแสดงความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมและสังคมอย่างแท้จริง จะสำเร็จลุล่วงไปได้ก็ต่อเมื่อทุกฝ่ายร่วมมือร่วมใจกันเท่านั้น นั่นเป็นสาเหตุที่เราผลักดันแนวทางการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืนในเครือข่ายผู้จำหน่ายบีเอ็มดับเบิลยู และมินิอย่างเป็นทางการของเรามาอย่างต่อเนื่อง รางวัล Dealer Sustainability Awards 2023 ยังได้ตอกย้ำถึงความมุ่งมั่นอันน่าประทับใจจากพันธมิตรทางธุรกิจของเรา เพื่อสร้างอนาคตที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและสังคม และมีความยั่งยืนมากขึ้น ซึ่งทั้งหมดนี้ต่างตรงตามวิสัยทัศน์ระดับโลกของทางบีเอ็มดับเบิลยูในการบรรลุความเป็นกลางทางคาร์บอนตลอดห่วงโซ่คุณค่าภายในปี พ.ศ. 2593”

สำหรับผู้ชนะรางวัล Dealer Sustainability Awards 2023 ในแต่ละหมวดหมู่ ได้แก่:

รางวัลยอดเยี่ยมด้านการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์

(Excellence in CO2 Reduction Initiatives)

ผู้ชนะ: โครงการ “Cherdchai Eco Action” จากเชิดชัย ออโต้เฮ้าส์

เชิดชัย ออโต้เฮาส์ ได้ดำเนินการตามแนวคิดด้านความยั่งยืนควบคู่กันไปในหลายมิติ ครอบคลุมกระบวนการดำเนินงานในหลายภาคส่วน เพื่อลดปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์และมุ่งสู่เป้าหมายเรื่องความเป็นกลางทางคาร์บอนภายในปี 2593 ภายใต้การดำเนินโครงการดังกล่าว เชิดชัย ออโต้เฮาส์ได้เริ่มหันมาประยุกต์ใช้หลอดไฟ LED และติดตั้งหลังคาโซลาร์เซลล์บนหลังคาโชว์รูมเพื่อผลิตพลังงานสะอาดและหมุนเวียน เพื่อชดเชยการใช้พลังงานไฟฟ้า โดยสามารถผลิตไฟฟ้าเองได้มากถึง 70% ทำให้สามารถประหยัดพลังงานได้ถึง 317,400 กิโลวัตต์ชั่วโมง/ปี และลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ 136,400 กิโลกรัม/ปี เทียบเท่าการปลูกต้นไม้ 3,500 ต้น และยังได้มีการริเริ่มกิจกรรมปลูกต้นไม้ 1,000 ต้น เพื่อเป็นตัวช่วยอีกทางหนึ่งในการชดเชยการใช้พลังงานไฟฟ้า

นอกจากนี้ ความมุ่งมั่นที่มีต่อความยั่งยืนยังต่อยอดไปถึงเรื่องพนักงานของเชิดชัย ออโต้เฮาส์ โดยบุคลากรจะได้รับการฝึกอบรมเรื่องหลักปฏิบัติที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และทางบริษัทเองก็ตั้งเป้าว่าจะเข้าร่วมในกิจกรรมชดเชยคาร์บอน (Carbon Credit) อีกด้วย นอกเหนือไปจากนั้น ยานพาหนะที่ใช้งานในพื้นที่ของโชว์รูมยังได้รับการคัดเลือกให้เป็นยานยนต์ไฟฟ้า และยังมีการติดตั้งสถานีชาร์จในพื้นที่ โดยทางเชิดชัย ออโต้เฮาส์ ยังได้ร่วมมือกับขนส่งมวลชนท้องถิ่นเพื่อให้ทั้งลูกค้าและพนักงานสามารถใช้ประโยชน์จากการเดินทางด้วยระบบขนส่งมวลชน ตามจุดประสงค์ที่ต้องการลดคาร์บอนฟุตพริ้นท์ในระดับบุคคลลงอย่างเห็นได้ชัด

รางวัลยอดเยี่ยมด้านการมีส่วนร่วมของพนักงาน

(Excellence in Employee Engagement Initiatives)

ผู้ชนะ: โครงการ “Passion Drives Us Forward, Your Step Makes a Difference” จากยุโรปา มอเตอร์

ยุโรปา มอเตอร์ ได้คว้ารางวัลในหมวดการมีส่วนร่วมของพนักงาน ซึ่งถือเป็นหนึ่งในรางวัลหมวดใหม่ที่เพิ่มเข้ามาในปี 2566 นี้ จากผลงานความทุ่มเทอย่างเต็มที่ในการผลักดันเรื่องสุขภาพที่ดีและสวัสดิการความเป็นอยู่ของพนักงาน ทั้งนี้ โครงการของยุโรปา มอเตอร์ ได้กระตุ้นให้พนักงานของบริษัทดูแลสุขภาพตัวเองให้ดีที่สุดในระยะเวลา 40 วัน โดยพนักงานจะได้รับการสนับสนุนอย่างเต็มที่จากทางองค์กร ทั้งในด้านการฝึกอบรม จากโค้ชด้านโภชนาการและสุขภาพ และจากการบริการวัดค่าทางร่างกายในรูปแบบต่าง ๆ โดยมีเป้าหมายร่วมกันคือการก้าวไปข้างหน้าให้ถึงเป้าหมาย 40,000,000 ก้าว ผ่านพลังของการออกกำลังกายของทั้งทีม

นอกเหนือไปจากการสร้างผลกระทบในเชิงบวกในกลุ่มพนักงาน ยุโรปา มอเตอร์ ยังได้สมทบยอดบริจาคโดยทุกๆ 10,000 ก้าว คิดเป็นเงิน 40 บาท รวมเป็นจำนวนเงิน 160,000 บาท จากจำนวนก้าวของพนักงานที่เข้าร่วมโครงการทั้งหมด 40,000,000 ก้าว ซึ่งได้มอบเป็นของขวัญจากสุขภาพที่ดีให้แก่มูลนิธิขาเทียม ในสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี

รางวัลยอดเยี่ยมด้านแนวคิดเศรษฐกิจหมุนเวียน

(Excellence in Circularity Initiatives)

ผู้ชนะ: โครงการ “Share for More” จากมิลเลนเนียม ออโต้

ทีมมิลเลนเนียม ออโต้ ได้ตั้งเป้าหมายในการจัดการกับปัญหาเรื่องขยะบรรจุภัณฑ์ ผลิตภัณฑ์ รวมถึงวัสดุต่าง ๆ ในทุกภาคส่วนขององค์กร เพื่อนำสิ่งต่าง ๆ เหล่านั้นกลับมาใช้ใหม่หรือนำไปใช้ให้เกิดประโยชน์ในด้านอื่น โดยบริษัทได้มีการแต่งตั้งทีมงานขึ้นมาเพื่อผลักดันเรื่องนี้โดยเฉพาะ ซึ่งพนักงานได้เริ่มต้นทำแคตตาล็อกและจัดหมวดหมู่สิ่งของและวัสดุเหลือใช้ต่าง ๆ ที่ไม่ได้นำไปใช้ประโยชน์ ก่อนจะนำผลสำรวจที่ได้ไปส่งให้กับทีมงานเพื่อสร้างแผนปฏิบัติงานต่อไป

นอกจากการหาแนวทางใหม่ในการใช้ประโยชน์จากสิ่งของเหลือใช้ พนักงานของมิลเลนเนียม ออโต้ ยังได้ร่วมกันรวบรวมสิ่งของที่ไม่ได้ใช้ประโยชน์ที่ยังอยู่ในสภาพดี ซึ่งรวมถึงการรวบรวมขวดน้ำพลาสติก 7,000 ขวด เพื่อนำไปบริจาคให้แก่วัดจากแดง จังหวัดสมุทรปราการ ผ่านกระบวนการรีไซเคิล และนำมาทำเป็นจีวร และการบริจาคปฏิทินเก่าสำหรับนำมาผลิตเป็นหนังสือเบรลล์สำหรับผู้พิการทางสายตา นอกจากนี้ ยังมีการริเริ่มโครงการต่าง ๆ เพื่อลดปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ และได้รับการรับรองมาตรฐาน ISO 14064-1:2018 ซึ่งเป็นเครื่องหมายยืนยันความรับผิดชอบต่อสังคมว่าองค์กรสามารถลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของภาคธุรกิจ และมีส่วนร่วมในการแก้ไขภาวะโลกร้อนและการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ

รางวัลยอดเยี่ยมด้านการส่งเสริมการใช้ยานยนต์ไฟฟ้า

(Excellence in Electromobility Initiatives)

ผู้ชนะ: โครงการ “Beyond Expectations: E Drive” จากเพอร์ฟอร์แมนซ์ มอเตอร์ส

หนึ่งในบทบาทสำคัญของบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป คือการปรับเปลี่ยนอุตสาหกรรมยานยนต์ให้มุ่งสู่ยานพาหนะที่ยั่งยืนยิ่งขึ้น ซึ่งสอดคล้องกับทิศทางของเพอร์ฟอร์แมนซ์ มอเตอร์ส ที่เร่งผลักดันการเดินทางสู่ยุคยานยนต์ไฟฟ้าด้วยการนำรถยนต์ไฟฟ้าจากบีเอ็มดับเบิลยูหลากหลายซีรีส์ มาใช้เป็นรถประจำตำแหน่งของทีมผู้บริหาร รวมถึงส่งเสริมให้พนักงานเปลี่ยนมาใช้รถยนต์ไฟฟ้า โดยมีการมอบเงินสนับสนุนให้แก่พนักงานที่ซื้อรถยนต์ไฟฟ้า

นอกจากนี้ ทางผู้จำหน่ายยังได้ตั้งรางวัลพิเศษให้แก่พนักงานขายของเพอร์ฟอร์แมนซ์ มอเตอร์ส ที่สามารถช่วยผลักดันยอดขายของรถไฟฟ้า รวมถึงช่วยแชร์เรื่องราวดี ๆ และมีความสร้างสรรค์ เกี่ยวกับผลกระทบในเชิงบวกของการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิให้เป็นศูนย์แก่ลูกค้าชาวไทยอีกด้วย

บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย ยังคงมุ่งมั่นที่จะขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงในเชิงบวกทั้งต่อสิ่งแวดล้อมและสังคม ตามเป้าหมายหลักในความพยายามที่จะรักษาการเพิ่มขึ้นของอุณหภูมิเฉลี่ยของโลกไม่ให้เกิน 1.5 องศาเซลเซียสตามข้อตกลงปารีส (Paris Agreement) โดยได้ดำเนินการร่วมกับหลายภาคส่วนเพื่อส่งเสริมการตระหนักถึงปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมผ่านโครงการ CHOICEISYOURS มาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2565 ทั้งสำหรับเครือข่ายผู้จำหน่ายของบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย และการร่วมมือกับอีก 6 องค์กรชั้นนำ เพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจด้านเศรษฐกิจหมุนเวียนให้แก่นิสิตนักศึกษา ได้แก่ กลุ่มเซ็นทรัลและมูลนิธิชัยพัฒนา ไมโครซอฟท์ ประเทศไทย เอสซีจี โนเบิล ดีเวลลอปเมนท์ และเดลต้า อีเลคโทรนิคส์ (ประเทศไทย) โดยบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป จะยังคงมุ่งมั่นขับเคลื่อนผลกระทบเชิงบวกที่ทุกคนสามารถ “เลือก” ที่จะลงมือทำเพื่อสร้างอนาคตที่ดียิ่งขึ้นทั้งในระดับประเทศและระดับโลก เพื่อให้บรรลุเป้าหมายครั้งยิ่งใหญ่นี้ร่วมกัน

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *