บริษัท นิปปอน เอ็กซ์เพรส (เวียดนาม) จำกัด หรือ Nippon Express (Vietnam) Co., Ltd. ซึ่งในที่นี้จะเรียกว่าเอ็นเอ็กซ์ เวียดนาม (NX Vietnam) บริษัทในเครือนิปปอน เอ็กซ์เพรส โฮลดิงส์ อิงค์ (NIPPON EXPRESS HOLDINGS, INC.) ได้เปิดตัวบริการขนส่งทางรางเส้นทางเหนือ-ใต้ระหว่างฮานอยกับโฮจิมินห์ซิตี้ เมื่อวันที่ 21 มิถุนายนที่ผ่านมา
ความเป็นมาในการพัฒนาบริการนี้
เศรษฐกิจเวียดนามเติบโตอย่างน่าทึ่งในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ก่อให้เกิดความต้องการด้านโลจิสติกส์ที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในอุตสาหกรรมต่าง ๆ ทั้งการผลิตและการค้าปลีก เครือข่ายโลจิสติกส์ที่เชื่อมภาคเหนือและใต้ของเวียดนามจึงเป็นที่ต้องการมากเป็นพิเศษ เพราะเป็นเส้นทางสำคัญระหว่างฐานการผลิตกับแหล่งบริโภค ส่งผลให้การจราจรทางถนนในเวียดนามประสบปัญหาการจราจรติดขัดอย่างรุนแรงและเรื้อรัง ซึ่งเพิ่มระยะเวลาและต้นทุนในการขนส่งด้วยรถบรรทุก นอกจากนี้ กฎหมายปกป้องสิ่งแวดล้อมฉบับใหม่ซึ่งมีผลบังคับใช้ในเวียดนามเมื่อปี 2565 ก็กำหนดให้บริษัทต่าง ๆ ต้องทุ่มเทความพยายามมากยิ่งขึ้นในการลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม
เพื่อแก้ปัญหาเหล่านี้และตอบสนองความต้องการด้านโลจิสติกส์ของลูกค้า ทางเอ็นเอ็กซ์ เวียดนาม จึงได้เปิดตัวบริการขนส่งทางรางที่ครอบคลุมระยะทาง 1,700 กม. ระหว่างฮานอยทางภาคเหนือกับโฮจิมินห์ซิตี้ทางภาคใต้ในเวลาประมาณ 48 ชั่วโมง (*1) โดยการขนส่งทางรางสามารถขนส่งสินค้าปริมาณมากโดยปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์น้อยกว่าการขนส่งด้วยรถบรรทุกมาก ช่วยให้บริษัทต่าง ๆ ลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมได้
ภาพรวมของบริการขนส่งทางราง
เส้นทาง: ระหว่างฮานอยกับโฮจิมินห์ซิตี้ (ประมาณ 1,700 กม.)
ความถี่ในการขนส่ง: ทุกวัน (ยกเว้นวันจันทร์)
ระยะเวลาขนส่ง: ประมาณ 48 ชั่วโมง (ระหว่างสถานี Yen Vien ในฮานอย กับสถานี Song Than ในโฮจิมินห์ซิตี้)
การปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์: ประมาณหนึ่งในห้าเมื่อเทียบกับการขนส่งด้วยรถบรรทุก (*2)
คุณสมบัติของบริการนี้
คุณภาพการขนส่งที่เชื่อถือได้: ได้รับผลกระทบจากปัญหาการจราจรติดขัดน้อยกว่า ช่วยสร้างความมั่นคงให้กับซัพพลายเชน
ความถี่ในการขนส่งสูง: ให้บริการทุกวัน ยกเว้นวันจันทร์
ประสิทธิภาพทางโลจิสติกส์ที่ดีขึ้น: รองรับการขนส่งสินค้าจำนวนมากเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพด้านโลจิสติกส์
ลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม: ลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เพื่อสนับสนุนการบริหารจัดการความยั่งยืนของลูกค้า
ทั้งนี้ เอ็นเอ็กซ์ กรุ๊ป (NX Group) จะยังคงมุ่งมั่นในการให้บริการโลจิสติกส์คุณภาพสูง เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าต่อไป ในขณะเดียวกันก็พยายามลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ สร้างสังคมที่ยั่งยืน และเติบโตไปพร้อมกับชุมชนท้องถิ่นทั่วโลก