นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เป็นประธานในพิธีมอบหมวกนิรภัยให้นักเรียน โครงการ Helmets For Kids ณ อาคารอเนกประสงค์ โรงเรียนวัดจันทร์ประดิษฐาราม เขตภาษีเจริญ
ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า รู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของโครงการ Helmets For Kids และเป็นการสนับสนุนการลดจำนวนผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนนลงครึ่งหนึ่งในประเทศไทย ตามเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (Sustainable Development Goals: SDGs) เพื่อปกป้องลูกหลานของเราในกรุงเทพฯ ซึ่งยังต้องการความร่วมมือจากทุกภาคส่วน รวมถึงจากสมาชิกสภานิติบัญญัติ หน่วยงานด้านการศึกษา หน่วยงานด้านสุขภาพ หน่วยงานด้านการขนส่ง และตำรวจ หากทุกคนให้ความสำคัญกับปัญหาสุขภาพที่สำคัญนี้ สักวันหนึ่งจะบรรลุวัฒนธรรมการใช้ถนนที่ปลอดภัยยิ่งขึ้นสำหรับทุกคน
“กทม. มีโครงการแจกหมวกนิรภัยให้กับนักเรียนตั้งแต่ปีที่แล้ว 100,000 ใบ แต่ยังขาดอยู่ประมาณ 30,000 ใบ โครงการ Helmets For Kids จึงเป็นการเติมเต็มในส่วนนี้ เพื่อเพิ่มความปลอดภัยให้กับนักเรียน ซึ่งเป็นกลุ่มที่เปราะบางที่สุดจากอุบัติเหตุทางรถจักรยานยนต์เนื่องจากไม่สวมหมวกนิรภัย รวมถึงโครงการนี้ยังเป็นการริเริ่มปลูกฝังให้นักเรียนชวนครอบครัวสวมหมวกนิรภัยเพื่อลดอุบัติเหตุ และรณรงค์ให้สวมใส่หมวกนิรภัยอย่างถูกวิธีเพื่อประสิทธิภาพสูงสุดอีกด้วย
ตามคำขวัญ “กันน็อค กันนะ” และ “เด็กเริ่ม ผู้ใหญ่ร่วม” สุดท้ายขอฝากทุกคนให้ช่วยกันดูแลสิ่งที่มีค่าที่สุดคือสมองของเด็กๆ ให้ปลอดภัยจากอุบัติเหตุ ในฐานะผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เล็งเห็นว่า โครงการ Helmets For Kids เป็นโครงการที่ดีและมีส่วนทำให้นักเรียน เยาวชน และชุมชนของกรุงเทพมหานครได้รับความรู้และสร้างความตระหนัก โดยเฉพาะความสำคัญของการสวมหมวกนิรภัย 100 เปอร์เซ็นต์” ผู้ว่าฯ ชัชชาติ กล่าวในกิจกรรม
โครงการ Helmets For Kids ได้รับการสนับสนุนจาก สหพันธ์รถยนต์ระหว่างประเทศ (FIA) มูลนิธิ AIP ร่วมมือกับ ราชยานยนต์สมาคมแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ สมาคมกีฬา สนับสนุนหมวกนิรภัย จำนวน 1,500 ใบ สำหรับนักเรียนในโรงเรียนสังกัดกรุงเทพมหานคร จำนวน 4 แห่ง ในพื้นที่ที่มีความเสี่ยงด้านอุบัติเหตุทางถนน ได้แก่ โรงเรียนวัดจันทร์ประดิษฐาราม จำนวน 900 ใบ โรงเรียนวัดช่องลม จำนวน 200 ใบ โรงเรียนวัดราษฎร์ศรัทธาธรรม จำนวน 300 ใบ และ โรงเรียนวัดปากบ่อ จำนวน 100 ใบ
โรงเรียนทั้งสี่แห่งตั้งอยู่ในกรุงเทพฯ ที่มีการจราจรหนาแน่น และนักเรียนมักจะตกอยู่ในความเสี่ยงขณะเดินทางไปและกลับ จากโรงเรียนด้วยรถจักรยานยนต์กับครอบครัว เด็กเหล่านี้มักขาดการเข้าถึงการเดินทางไปโรงเรียนที่ปลอดภัยและยั่งยืน หมวกนิรภัยสร้างความแตกต่างในการช่วยชีวิตให้กับเด็กๆ ที่เปราะบางระหว่างเดินทางไปโรงเรียน หมวกนิรภัยเป็นอุปกรณ์ป้องกัน การบาดเจ็บที่ศีรษะบนท้องถนนที่มีประสิทธิภาพและมีประสิทธิภาพในราคาที่เอื้อมถึง การสวมหมวกนิรภัยที่มีคุณภาพ สามารถลดความเสี่ยงต่อการเสียชีวิตได้ 42% และความเสี่ยงต่อการบาดเจ็บที่สมองอย่างรุนแรงได้ 69%
“ในปีนี้ ในโอกาสครบรอบ 90 ปี ร.ย.ส.ท. เรามีความยินดีอย่างยิ่งที่ได้ร่วมมือกับมูลนิธิ AIP และกรุงเทพมหานคร เพื่อเพิ่มการใช้หมวกนิรภัยให้กับเด็ก และปกป้องพวกเขาจากการบาดเจ็บที่ศีรษะ นอกจากนี้ โครงการ Helmets for Kids ยังมีเป้าหมายที่จะเพิ่ม ความรู้ด้านความปลอดภัยของหมวกนิรภัยของนักเรียน และเพื่อให้ประชาชนตระหนักถึงความสำคัญ ของการใช้หมวกนิรภัยที่มีคุณภาพสำหรับเด็ก โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้เด็กไทยมีความปลอดภัยในชีวิตมากขึ้น” นายธีระ บุนนาค อุปนายก ราชยานยนต์สมาคมแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ สมาคมกีฬา (ร.ย.ส.ท.) กล่าว
ในวันงานยังได้มีการลงนามบันทึกความเข้าใจระหว่างมูลนิธิเอไอพีและราชยานยนต์สมาคมแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ สมาคมกีฬา นักเรียนจะมีส่วนร่วมในการสวมหมวกนิรภัยและกิจกรรมความปลอดภัยทางถนน เป็นโอกาสพิเศษสำหรับเด็กทุกคน ที่โรงเรียนในการเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับความปลอดภัยของหมวกนิรภัยผ่านกิจกรรมการศึกษา รวมทั้งเป็นโอกาสในการเผยแพร่ เกี่ยวกับความสำคัญของความปลอดภัยของหมวกนิรภัยในท้องถิ่นและสมาชิกของชุมชน
“ด้วยความมุ่งมั่นของเราในเรื่องความเท่าเทียมและความยุติธรรม เราภูมิใจที่ได้ร่วมมือกับภาคีของเราในวันนี้ เพื่อสร้างอนาคตที่ยั่งยืนสำหรับทุกคน นี่เป็นก้าวสำคัญสู่การเดินทางที่ปลอดภัยสำหรับนักเรียนในโครงการทั้ง 4 โรงเรียน โครงการ Helmets for Kids รวบรวมเอาเราไว้ด้วยกัน ความมุ่งมั่นอย่างแน่วแน่ในการส่งเสริมโลกที่ทุกคนสามารถ เจริญเติบโตได้ในสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัยและเสมอภาค” นางรัตนวดี เหมนิธิ วินเธอร์ ประธานกรรมการและที่ปรึกษา มูลนิธิ AIP กล่าว
พิธีมอบหมวกนิรภัยในวันนี้ ถือเป็นโอกาสพิเศษสำหรับนักเรียนในการเรียนรู้ทักษะตลอดชีวิตเกี่ยวกับวิธีการเอาใจใส่บนท้องถนน เพื่อปรับตัวและประพฤติตัวอย่างปลอดภัยมากขึ้น การศึกษามีบทบาทสำคัญในการสร้างผู้ใช้ถนนรุ่นใหม่ที่มีความรู้ ในการดำเนินการอย่างปลอดภัยยิ่งขึ้น และผลลัพธ์ที่ยั่งยืนของโครงการ