KIAT เชื่อมั่นภาคธุรกิจขนส่งวัตถุอันตรายยังสดใส

KIAT เชื่อมั่นภาคธุรกิจขนส่งวัตถุอันตรายยังสดใส

บมจ.เกียรติธนา ขนส่ง หรือ KIAT ผู้นำในการให้บริการด้านการขนส่งวัตถุอันตรายและสินค้าพิเศษที่เน้นความปลอดภัยสูง มั่นใจธุรกิจขนส่งวัตถุอันตรายจะยังคงเติบโตต่อเนื่องในปีนี้ เนื่องจากความต้องการยังอยู่ในอัตราสูง ในขณะที่จำนวนผู้เล่นที่ได้รับการยอมรับในตลาด ยังมีน้อยราย

นางสาวมินตรา มนต์เสรีนุสรณ์ กรรมการผู้จัดการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เกียรติธนาขนส่ง จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่าในปีที่ผ่านมาธุรกิจโลจิสติกส์เผชิญกับความท้าทายหลายอย่าง ทั้งราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้นตามราคาในตลาดโลก และจำนวนผู้ประกอบการโลจิสติกส์ที่เพิ่มมากขึ้น ส่งผลให้เกิดการแข่งขันด้านราคาอย่างดุเดือด

อย่างไรก็ตาม ในภาพรวมของภาคธุรกิจขนส่งสินค้าอันตราย อาทิ ปิโตรเลียม เคมีภัณฑ์และก๊าซรายได้ยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยคาดว่าในปีนี้อัตราเติบของตลาดประมาณ 2.0 – 2.5% ตามทิศทางเศรษฐกิจโลกที่ทยอยฟื้นตัวต่อเนื่อง ประกอบกับความต้องการใช้น้ำมันและก๊าซในประเทศมีแนวโน้มขยายตัวทั้งในภาคขนส่งและภาคครัวเรือน ง ขณะที่การแข่งขันของธุรกิจไม่รุนแรงนัก เนื่องจากมีผู้ประกอบการที่ได้รับการยอมรับในตลาดยังมีน้อยราย และต้องอาศัยความเชี่ยวชาญในการประกอบธุรกิจ ส่งผลให้ธุรกิจขนส่งสินค้าอันตรายยังคงมีโอกาสทำกำไร

“แต่หากมองภาพรวมของธุรกิจขนส่งในปีนี้ เรายังคงมองว่าตลาดยังมีปัจจัยบวกสนับสนุนตลาดเพราะธุรกิจขนส่งถือว่าเป็นธุรกิจบริการที่มีบทบาทสำคัญในการกระจายสินค้าสู่ตลาดทั้งในและต่างประเทศ โดยผู้ให้บริการขนส่งสินค้าทำหน้าที่เคลื่อนย้ายสินค้าในแต่ละขั้นของห่วงโซ่อุปทาน ตั้งแต่วัตถุดิบ สินค้าขั้นต้น สินค้าขั้นกลาง และสินค้าสำเร็จรูป ภาวะของธุรกิจจึงขึ้นกับปริมาณสินค้า ซึ่งผันแปรตามภาวะเศรษฐกิจของประเทศ

นอกจากนี้ สถาบันวิจัยเศรษฐกิจหลายแห่งได้มีการคาดการณ์ว่าในปี 2567 จะมีปัจจัยสนับสนุนเชิงบวกจากการลงทุนภาคเอกชนของประเทศจีนที่จะย้ายฐานการผลิตมายังประเทศไทยเพิ่มมากขึ้น ตามนโยบายการอนุมัติลงทุนของ BoI ประกอบกับการส่งออกสินค้าการเกษตร ยานยนต์ และอิเล็กทรอนิกส์ ที่เริ่มกลับมาฟื้นตัว ส่งผลให้ผลผลิตมวลรวมของประเทศเติบโตไปในทิศทางเดียวกัน” นางสาวมินตรา กล่าว

นายเมฆ มนต์เสรีนุสรณ์ รองกรรมการผู้จัดการด้านการตลาดและพัฒนาธุรกิจ กล่าวเพิ่มเติมว่าในปีที่ผ่านมาบริษัทฯ ได้ขยายธุรกิจโลจิสติกส์โดยการให้บริการรับจัดการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศ ซึ่งให้บริการรับจัดการขนส่งสินค้าทั้งทางทะเลและทางอากาศ โดยจะเป็นผู้จัดหาระวางชั้นนำที่มีชื่อเสียงและเชื่อถือได้ รวมทั้งเป็นผู้พิจารณาติดต่อสายการเดินเรือ และสายการบินดำเนินการต่อรองและจองระวางที่เหมาะสมกับความต้องการของลูกค้าแต่ละราย ทั้งนี้ KIAT ได้ขยายเครือข่ายโดยเข้าร่วมเป็นภาคีสมาชิกต่าง ๆ ทำให้ปัจจุบันบริษัทฯ สามารถให้บริการรับจัดการขนส่งทางทะเลและทางอากาศครอบคลุมจุดการค้าสำคัญในประเทศต่าง ๆ เพื่อรองรับการฟื้นตัวภาคการผลิตของเศรษฐกิจไทยและโลก

นายเมฆกล่าวว่า KIAT ยังคงนโยบายการจัดซื้อรถหัวลากจากผู้ผลิตที่มีความน่าเชื่อถือในตลาดเพื่อให้เป็นไปตามความต้องการของลูกค้า อีกทั้ง KIAT ได้ให้ความสำคัญในความเข้มงวดการตรวจสภาพรถและการซ่อมบำรุงเพื่อให้รถในกองรถอยู่ในสภาพพร้อมใช้งานตลอดอย่างสม่ำเสมอ รวมถึงการฝึกอบรมพนักงานขับรถเพื่อเพิ่มทักษะการทำงานให้ได้ตามความต้องการของลูกค้าที่เน้นคุณภาพการให้บริการ ในขณะที่การบริหารต้นทุนเชื้อเพลิงอย่างมีประสิทธิภาพ โดยได้มีการสั่งซื้อน้ำมันเชื้อเพลิงจากผู้จัดจำหน่ายหลายรายซึ่งเป็นบุคคลภายนอกและไม่มีการผูกขาดกับผู้จัดจำหน่ายรายใดรายหนึ่ง บริษัทฯ จึงไม่มีความเสี่ยงจากการพึ่งพาผู้จัดจำหน่าย

“ปี 2567 ยังคงเป็นปีที่ท้าทายอย่างมากด้วยสภาพเศรษฐกิจไทยที่กำลังฟื้นตัวจากการส่งออกที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นจากอุปสงค์ในตลาดโลกที่ขยายตัวสูงขึ้น ประกอบกับการส่งเสริมการลงทุนภาคเอกชนจากภาครัฐ KIAT จึงมุ่งมั่นจะขยายธุรกิจต่อไปตามแผนธุรกิจและโอกาส โดยจะพยายามรักษาและเพิ่มอัตรากำไรและผลตอบแทนการลงทุนให้อยู่ในระดับที่ดีอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่เพิ่มส่วนแบ่งการตลาดในธุรกิจขนส่งและกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย ทั้งมุ่งสร้างพันธมิตรทางธุรกิจและความเข้มแข็งในธุรกิจโลจิสติกส์ทั้งทางถนน ทางอากาศ และทางน้ำ เพื่อให้มีรากฐานที่มั่นคงและขยายให้ครอบคลุมทั่วประเทศและต่างประเทศ ซึ่งจะต้องเร่งการพัฒนาในหลายด้านพร้อมๆกัน ทั้งในด้านการบริหารการขนส่ง ความปลอดภัย สิ่งแวดล้อม รวมถึงการบริหารต้นทุน การพัฒนาบุคลากร การพัฒนาเทคโนโลยี และ การควบคุมคุณภาพให้อยู่ในระดับที่ลูกค้าและผู้เกี่ยวข้องพึงพอใจ นอกจากความมุ่งมั่นในการสร้างความเติบโตและสร้างผลกำไรอย่างยั่นยืนแล้ว เรายังคำนึงถึงมาตรฐานความปลอดภัยเป็นสำคัญตามมาตรฐานการปฏิบัติการขับขี่ที่เข้มงวดเพื่อลดอุบัติเหตุบนท้องถนน กล่าวคือ KIAT ไม่เพียงให้ความสำคัญกับความปลอดภัยในการดำเนินการเท่านั้น แต่ยังคำนึงถึงความเป็นอยู่ที่ดีของพนักงานและสาธารณชนด้วย” นายเมฆ กล่าว

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *