Porsche Asia Pacific จับมือกับ Shell เปิดตัวเครือข่ายสถานีชาร์จพลังงาน high performance EV ระหว่างประเทศเป็นครั้งแรกในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

Porsche Asia Pacific จับมือกับ Shell เปิดตัวเครือข่ายสถานีชาร์จพลังงาน high performance EV ระหว่างประเทศเป็นครั้งแรกในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

Porsche Asia Pacific ร่วมมือกับ Shell ประกาศเปิดเครือข่ายสถานีชาร์จพลังงาน high performance charging (HPC) ระหว่างประเทศเป็นครั้งแรกในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ด้วยจุดชาร์จ 12 จุด ผ่านสถานีบริการ 6 แห่งของ Shell วางกลยุทธ์ตำแหน่งสถานีตลอดเส้นทางหลักเหนือจรดใต้ของประเทศมาเลเซีย ยกระดับความสะดวกสบายไร้กังวลตลอดการเดินทางด้วยรถ EV โดยเชื่อมต่อระหว่างประเทศสิงคโปร์ กรุงกัวลาลัมเปอร์ และปีนัง

พันธมิตรทางธุรกิจทั้ง 2 ฝ่าย ปอร์เช่และ Shell ได้ร่วมกันแสดงวิสัยทัศน์ผ่านพันธกิจในการขับเคลื่อนยนตรกรรมพลังงานไฟฟ้าในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ให้เติบโตต่อไปในอนาคต โดยการเปิดตัวอย่างยิ่งใหญ่ด้วยเส้นทางหลักเชื่อมต่อระหว่าง 2 ประเทศ ทำหน้าที่รองรับกิจกรรมทางธุรกิจระดับนานาชาติจากบริเวณเส้นทางระหว่างอาคาร Sultan Iskandar Building ไปจนถึง Woodlands Checkpoint  ซึ่งเป็นเส้นทางในการเดินทางสัญจรที่หนาแน่นที่สุดเส้นทางหนึ่งของโลก

“อาเซียน เป็นตลาดที่มีแนวโน้มแข็งแกร่งสำหรับปอร์เช่ เราพร้อมลงทุนสร้างสถานีชาร์จพลังงานประสิทธิภาพสูงนี้ เนื่องจากเล็งเห็นถึงศักยภาพในการดำเนินงานด้านพลังงานไฟฟ้าในภูมิภาคนี้ เครือข่ายสถานีชาร์จพลังงานประสิทธิภาพสูงระหว่างประเทศสิงคโปร์ และมาเลเซียของเรา คือ โครงการตัวอย่าง เพื่อเป็นกรณีศึกษาให้แก่ประเทศอื่นได้นำไปพัฒนาต่อไป” Matthias Becker รองประธานกรรมการ ผู้ดูแลส่วนงาน Overseas และ Emerging Markets ของ Porsche AG กล่าว

“ขณะที่ทั่วโลก กำลังตั้งคำถามเกี่ยวกับอนาคตของยนตรกรรมพลังงานไฟฟ้า ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้จะทำหน้าที่พิสูจน์ให้ทุกคนเห็นถึงความขั้นตอนและความแตกต่าง ไม่ว่าจะในด้านของความท้าทาย รวมไปถึงโอกาสมากมายที่รออยู่ข้างหน้า เช่นเดียวกับผู้ขับขี่หลายรายที่ไว้วางใจใช้รถ EVs เป็นพาหนะในการเดินทางและรัฐบาลในหลายประเทศที่มีวิสัยทัศน์ในการมุ่งเน้นการดูแลรักษาสิ่งแวดล้อมการเป็นพันธมิตรทางธุรกิจระหว่างปอร์เช่ และ Shell คือหนึ่งในตัวอย่างของผู้เล่นในวงการอุตสาหกรรมยานยนต์ ที่ร่วมมือกันแสดงบทบาทอันสำคัญต่อการสร้างสรรค์การเดินทางและการขนส่งผ่านเงื่อนไขที่ปราศจากมลพิษ และนำเสนอทางเลือกที่ช่วยแก้ไขปัญหาสำหรับกลุ่มลูกค้าผู้มีศรัทธาในยานพาหนะรักษ์โลก” Amr Adel รองประธานอาวุโส ของ Mobility East, Shell กล่าว

สถานีชาร์จพลังงานประสิทธิภาพสูงสุด ทั้งในสิงคโปร์ และมาเลเซีย

ด้วยความร่วมมือของ 2 พันธมิตรทำให้สถานีบริการ Shell  6 แห่ง กำลังจะได้รับการติดตั้งเครื่องชาร์จพลังงานไฟฟ้า กระแสตรง direct-current (DC) chargers ขนาด 180 กิโลวัตต์ ซึ่งให้ประสิทธิภาพการชาร์จพลังงานสูงสูดทั้งในประเทศสิงคโปร์ และมาเลเซีย เครื่องชาร์จดังกล่าวมาพร้อมหัวชาร์จแบบ CCS Type 2 จำนวน 2 หัว สามารถชาร์จพลังงานไฟฟ้าได้ 1 คันที่ระดับพลังงานสูงสุด 180 กิโลวัตต์ หรือชาร์จพร้อมกัน 2 คันที่ระดับพลังงานสูงสุด 90 กิโลวัตต์ต่อคัน โดยมีโครงการจะขยายเพิ่มจำนวนสถานีบริการ 2 แห่ง ภายในช่วงครึ่งหลังของปี 2021 และอีก 2 สถานีภายในครึ่งแรกของปี 2022[1]

สถานีดังกล่าวจะใช้วิธีการผสมผสานกับเครือข่ายสถานีชาร์จพลังงานรูปแบบเดิมที่ Shell ดำเนินการอยู่ในปัจจุบันประกอบด้วยจุดชาร์จพลังงานแบบเร็วขนาด 50 กิโลวัตต์ 18 จุด ตั้งอยู่ภายในสถานีบริการของ Shell และจุดชาร์จสาธารณะ 87 จุด ในสิงคโปร์ รวมไปถึงจุดชาร์จแบบ“Reserve + Shell Recharge” อีก 18 จุด ในมาเลเซีย นอกจากนั้นยังได้จัดตั้งบริการเสริมด้วยจุดชาร์จพลังงานประสิทธิภาพสูง high performance chargers ขนาด 175 กิโลวัตต์ ที่ศูนย์บริการ Porsche Centres ทุกแห่งในมาเลเซีย เช่นเดียวกันกับการเพิ่มจำนวนของเครือข่าย “Porsche Destination Charging” ในส่วนของโรงแรมที่พัก สนามบิน สปอร์ตคลับ และจุดนัดพบตามไลฟ์สไตล์ที่ได้รับคัดเลือก

ในช่วงเวลาที่ยานพาหนะพลังงานไฟฟ้า กำลังเริ่มมีทิศทางการเติบโตเพิ่มขึ้นในประเทศสิงคโปร์ และมาเลเซีย เครือข่ายดังกล่าวคือเครื่องมือสำคัญที่จะช่วยส่งเสริมให้เส้นทางในการเดินทางระหว่าง 2 ประเทศเป็นไปด้วยความราบรื่น สะดวกสบาย และไว้วางใจได้ ทันทีที่เปิดใช้งาน สถานีชาร์จจะพร้อมรองรับรถ EVs ทุกประเภท ที่มีช่องชาร์จพลังงานแบบ CCS Type 2 charging connector ซึ่งเป็นที่นิยมในทั้ง 2 ประเทศ โดยลูกค้ารถยนต์ปอร์เช่จะได้รับสิทธิพิเศษในส่วนของค่าใช้จ่าย เมื่อเข้ารับบริการที่สถานีชาร์จพลังงานของ Shell

เครื่องชาร์จพลังงานประสิทธิภาพสูงขนาด 180 กิโลวัตต์ ของ Shell สามารถชาร์จพลังงานให้แก่ปอร์เช่ ไทคานน์ (Taycan) จากระดับความจุแบตเตอรี่ 0 จนถึง 80% ได้ภายในระยะเวลาประมาณ 30 นาที คิดเป็นระยะทางสูงสุดที่สามารถเดินทางได้ที่ 390 กิโลเมตร (ตามมาตรฐาน WLTP) นอกจากนี้ Shell ยังได้มอบสิทธิประโยชน์เพิ่มเติมให้แก่ลูกค้าปอร์เช่ อาทิ การสำรองสิทธิใช้งานเครื่องชาร์จ HPC ล่วงหน้า ในประเทศมาเลเซีย โดยผ่านแอปพลิเคชันบนโทรศัพท์มือถือ สิทธิในการเลือกซื้ออาหาร และเครื่องดื่มราคาพิเศษ เมื่อใช้บริการที่ Shell Select shop

“การร่วมมือทำธุรกิจระหว่างปอร์เช่ และ Shell นับได้ว่าเป็นการยกระดับศักยภาพการให้บริการสถานีชาร์จพลังงานในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ นำเสนอหลักประกันในด้านความรวดเร็ว และระยะทางให้แก่ผู้ขับขี่รถยนต์ไฟฟ้า อาทิ    ปอร์เช่ ไทคานน์ (Porsche Taycan) เพื่อสนองตอบต่อความปรารถนาที่จะโลดแล่นไปอย่างสนุกสนานเร้าใจบนท้องถนน โดยปราศจากความกังวลใดๆ เราจึงมีพันธะสัญญาในการส่งมอบประสบการณ์การใช้งานรถยนต์ไฟฟ้าอันน่าประทับใจ ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจมาจากนวัตกรรมอันล้ำสมัยของรถยนต์ปอร์เช่ พร้อมสัมผัสสุนทรียแห่งการขับขี่ได้อย่างเต็มอารมณ์สปอร์ต” Arthur Willmann Chief Executive Officer ของ Porsche Asia Pacific กล่าวทิ้งท้าย

กำหนดมาตรฐานใหม่ให้แก่ยานพาหนะพลังงานไฟฟ้า

สร้างสรรค์เครือข่ายการชาร์จพลังงาน เชื่อมต่อการเดินทางระหว่างประเทศสิงคโปร์ และมาเลเซีย ด้วยวิถีทางตามแบบฉบับของบริษัทผู้ผลิตรถสปอร์ตชั้นนำของโลกจากเมืองสตุ๊ทการ์ท เป้าหมายคือการกำหนดมาตรฐานใหม่ในมุมมองของความยั่งยืนและยานพาหนะแห่งอนาคต นอกจากนี้ยังเป็นส่วนหนึ่งของการเสียสละ เพื่อกำหนดทิศทางของวันข้างหน้าให้แก่ยนตรกรรมสปอร์ตในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ผ่านการพัฒนาระบบคมนาคมขนส่ง และแสวงหาปัจจัยทางการตลาดที่จะส่งเสริมให้หน่วยงาน Porsche Asia Pacific มีบทบาทสำคัญในส่วนของกลยุทธ์การเจริญเติบโตในภูมิภาคนี้

เครือข่ายสถานีชาร์จพลังงาน เข้ามามีส่วนเติมเต็มในส่วนของตำแหน่งที่ตั้ง และรูปแบบในการจัดจำหน่ายสำหรับผู้ที่ให้ความสนใจต่อยนตรกรรมสปอร์ตของปอร์เช่ในประเทศมาเลเซีย ทั้งในปัจจุบัน และอนาคต อาทิ Porsche Centre Ara Damansara ศูนย์บริการแห่งใหม่ล่าสุด หรือ Porsche Centre Johor Bahru ที่กำลังจะตามมาในอีกไม่นาน ทั้งหมดนี้ได้รับการออกแบบขึ้นเพื่อสนับสนุนการถ่ายทอดประสบการณ์ในการใช้งานสินค้า และสร้างความรู้สึกพิเศษให้กับเหล่าบรรดาแฟนคลับของปอร์เช่

“ลูกค้าคือหัวใจหลักของทุกกิจกรรมที่เราลงมือทำ  เรากำลังจะลงทุนก่อสร้างระบบสาธารณูปโภครองรับการใช้งานรถ EV เพื่อลดความกังวลใจของลูกค้าในด้านการเดินทาง สิ่งนี้เป็นส่วนหนึ่งของความมุ่งมั่นและตั้งใจที่ทาง Shell นำเสนอทางออกในการแก้ปัญหาอย่างสร้างสรรค์ให้แก่กลุ่มลูกค้าผู้สนใจในพลังงานทางเลือก ปี 2019 เราได้เปิดตัวสถานีชาร์จพลังงานรถ EV ในสิงคโปร์ และปี 2020 เราได้แนะนำสถานี solar-powered ในมาเลเซีย ปัจจุบันลูกค้ารถ EV ที่เดินทางข้ามระหว่างพรมแดนของทั้ง 2 ประเทศ สามารถสัมผัสประสบการณ์การชาร์จพลังงานรถไฟฟ้าของสถานี Shell รวมทั้งเติมพลังให้แก่ตัวเองด้วย เครื่องดื่ม และของว่างจากร้านค้า Shell Select shop” Shairan Huzani Husain ผู้อำนวยการกลุ่มงาน  Mobility Malaysia and Singapore ของ Shell กล่าว

Shell มีจุดมุ่งหมายในการขยายจำนวนสถานีชาร์จ EV ทั่วโลก เพิ่มขึ้นเป็น 500,000 สถานี ภายในปี 2025 การจับมือเป็นพันธมิตรร่วมกับปอร์เช่ และองค์กรธุรกิจรายอื่น คือส่วนหนึ่งของกลยุทธ์เร่งการปรับเปลี่ยน เพื่อมุ่งสู่การเป็นผู้ให้บริการด้านพลังงานที่ปราศจากมลพิษ และเป็นทางเลือกอันชาญฉลาดของผู้ขับขี่รถ EV สำหรับการชาร์จพลังงานให้แก่ยานพาหนะไฟฟ้าทั้งภายในที่พักอาศัย สำนักงาน ศูนย์การค้า หรือสถานีบริการ Shell

นักเดินทางหลายพันชีวิต โลดแล่นไปบนเส้นทางระหว่างประเทศสิงคโปร์ กรุงกัวลาลัมเปอร์ และปีนัง ในทุกสัปดาห์ ก่อนที่จะเกิดวิกฤตการณ์ COVID-19 ซึ่งก่อให้เกิดข้อจำกัดมากมายในการเดินทาง Shell และปอร์เช่ เตรียมพร้อมสรรพเพื่อรอคอยการเปิดเสรีของพรมแดน และโอกาสที่ประชาชนสามารถเดินทางข้ามประเทศทั้ง 2 ด้วยความปลอดภัย และมั่นใจได้อีกครั้ง

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *