ROLLS-ROYCE ฉลองครบรอบ 118 ปีของสุดยอดยนตรกรรมของแบรนด์

ROLLS-ROYCE ฉลองครบรอบ 118 ปีของสุดยอดยนตรกรรมของแบรนด์

“ขณะที่เราคิดถึงมรดกอันน่าทึ่งของยนตรกรรม Phantom  ผมรู้สึกประทับใจกับพื้นที่หนึ่งเดียวในดวงใจและในความคิดของลูกค้า Rolls-Royce ผู้ที่มีความพิถีพิถันมากที่สุดของเรา   Phantom เป็นยนตรกรรมที่ได้รับผลประโยชน์จากที่สุดของความทะเยอทะยานของ Rolls-Royce Bespoke ที่สามารถเปลี่ยนให้เป็นทุกอย่างที่ลูกค้าต้องการให้เป็น  แท้จริงแล้ว Phantom ไม่ได้เป็นเพียง ‘ยนตรกรรมที่ดีที่สุดในโลก’ เท่านั้นแต่ยังเป็นรถยนต์ที่ดีที่สุดในโลกของพวกเขาอีกด้วย” Torsten Müller-Ötvös, Chief Executive Officer, Rolls-Royce Motor Cars

Rolls-Royce Motor Cars ฉลองครบรอบ 118 ปีของการพบกันครั้งแรกระหว่างผู้ก่อตั้งทั้งสอง คือ Henry Royce และ The Hon. Charles Stewart Rolls ที่โรงแรม Midland ในเมืองแมนเชสเตอร์ ประเทศอังกฤษในปี ค.ศ. 1904 ด้วยการผสมผสานระหว่างอัจฉริยะทางด้านวิศวกรรมของ Royce และพรสวรรค์ในการประชาสัมพันธ์ของ Rolls บริษัทฯ ของพวกเขาจึงกลายเป็นที่รู้จักในฐานะผู้ผลิต ‘รถยนต์ที่ดีที่สุดในโลก’ ซึ่งเป็นตำแหน่งที่ Rolls-Royce Motor Cars ภูมิใจที่ต่อมาได้ครอบครองมากกว่าหนึ่งศตวรรษ

วันนี้ สุดยอดยนตรกรรมของแบรนด์คือ Phantom สะท้อนที่สุดของความหรูหราแบบสั่งทำพิเศษ ที่ได้รับการออกแบบและรังสรรค์ด้วยมือที่ Home of Rolls-Royce ในกู้ดวูด  การหวนระลึกถึงต้นกำเนิดและมรดกตกทอดอันเป็นเอกลักษณ์ถือเป็นส่วนหนึ่งของสิ่งที่โรลส์-รอยซ์ทำเป็นประจำทุกปี  Rolls-Royce มองย้อนกลับไปในยนตรกรรมตระกูล Phantom โดยสำรวจว่ายานยนต์ภายใต้ชื่อนี้นั้นมีวิวัฒนาการอย่างไรในช่วงหลายปีที่ผ่านมาเพื่อให้ยังคงรักษาตำแหน่งสุดยอดยนตรกรรมของโรลส์-รอยซ์ไว้ได้อย่างต่อเนื่อง

ที่มาของความเป็นเลิศ

ในช่วงเริ่มแรกสุดของอุตสาหกรรมยานยนต์ ผู้ผลิตรถยนต์หรูผลิตเฉพาะชิ้นส่วนประกอบเครื่องกล (เครื่องยนต์ ระบบส่งกำลัง แชสซี และอื่น ๆ) ที่รู้จักกันในโครงรถยนต์แบบ Rolling Chassis  ซึ่งเป็นส่วนประกอบสำคัญของรถยนต์  ส่วนตัวถังรถได้รับการออกแบบและสร้างสรรค์โดยบริษัทผู้ผลิตตัวถังแบบสั่งทำพิเศษ (Coachbuild) อิสระตามข้อกำหนดของลูกค้า

สำหรับผู้ผลิตซึ่งรวมถึงโรลส์-รอยซ์ การปรับปรุงด้านการออกแบบและวิศวกรรมมุ่งเน้นไปที่ด้านเทคนิคของสมรรถนะของรถเกือบทั้งสิ้น ซึ่งรวมถึงความเสถียร ความสามารถในการขับขึ้นเขา การควบคุมที่ง่ายดาย และค่าบ่งบอกสมรรถนะในการขับขี่ที่รู้จักรวมกันของระดับเสียง การสั่นสะเทือน และความกระด้าง หรือ NVH ตั้งแต่เริ่มแรก Phantom ได้รับตำแหน่ง ‘รถยนต์ที่ดีที่สุดในโลก’ ด้วยคุณภาพและการออกแบบที่เหนือกว่าของ Rolling Chassis ซึ่งเป็นโครงรถยนต์ที่ดีที่สุดที่ทำให้ผู้ผลิตตัวถังสามารถรังสรรค์สุดยอดผลงานฝีมือของพวกเขาให้เข้ากับแชสซีนี้

การกำหนดขอบเขตทางเทคนิคใหม่

ยนตรกรรมในตระกูล Phantom ถือกำเนิดขึ้นในปีค.ศ. 1925 เมื่อโรลส์-รอยซ์เปิดตัว Phantom I ด้วยแรงบิดที่รอบต่ำเทคโนโลยีล้ำสมัย และประสบการณ์การขับขี่ที่นุ่มนวลดุจ ‘พรมวิเศษ’ ทำให้ยนตรกรรมรุ่นใหม่นี้ได้เป็นตัวกำหนดคุณลักษณะพื้นฐานเพื่อส่งต่อให้กับยนตรกรรมรุ่นต่อไปของอีก 100 ปีข้างหน้าได้ในทันที  นับแต่นั้นมาจวบจนปัจจุบันโรลส์-รอยซ์ปฏิเสธที่จะหยุดพัก และภายในปีค.ศ. 1929 ยนตรกรรมรุ่นต่อมาก็พร้อมออกสู่ตลาด

Phantom II แสดงถึงการเปลี่ยนแปลงอีกขั้นทางด้านวิศวกรรมและเทคโนโลยี   ในปีค.ศ. 1930 บริษัทฯ ได้เปิดตัว Phantom II Continental เป็นตัวเลือกให้กับลูกค้าผู้ที่ชอบการขับรถเองและมองหารถยนต์ที่มุ่งเน้นไปยังสมรรถนะมากกว่า  ทั้งนี้ ยังคงผลิตรถยนต์ฐานล้อยาว ‘มาตรฐาน’ สำหรับการใช้งานแบบมีคนขับ โดยแนวทางปฏิบัตินี้ได้กำหนดแบบอย่างของ Phantom และ Phantom Extended ในปัจจุบัน

ความต้องการด้านความเร็ว

ในขณะที่ Continental รุ่นใหม่สามารถเร่งความเร็วได้ถึง 95 ไมล์ต่อชั่วโมง แต่ก็ยังไม่เร็วเท่ากับยานยนต์ที่เป็นคู่แข่งบางราย   บริษัทฯ ตัดสินใจที่จะแก้ไขเรื่องนี้ให้จบสิ้นลงอย่างเด็ดขาด  ในปีค.ศ. 1934 จึงได้ใช้ประสบการณ์ด้านเครื่องยนต์เครื่องบินในการพัฒนาเครื่องยนต์ V12 ขนาด 7.3 ลิตรใหม่และติดตั้งบนแชสซีใหม่ ส่งผลให้เมื่อ  Phantom III ถูกประกอบเข้ากับตัวถังแบบสั่งผลิตพิเศษที่มีน้ำหนักเบาทำให้สามารถเร่งความเร็วได้สูงกว่า 100 ไมล์ต่อชั่วโมง

ในปีค.ศ. 1939  Rolls-Royce ได้ผลิตยานยนต์ทดลองที่ได้รับฉายาว่า ‘The Scalded Cat’  หลายปีต่อมารถยนต์คันนี้มักถูกยืมโดยบุคคลผู้ทรงอิทธิพลหลายท่าน รวมทั้งเจ้าชายฟิลิป ดยุกแห่งเอดินบะระ  พระองค์ทรงประทับใจมากจนถึงกับเกลี้ยกล่อมให้โรลส์-รอยซ์สร้างสรรค์ยนตรกรรมนี้สำหรับท่านในเวอร์ชั่นที่เป็นทางการมากขึ้น  แบรนด์ได้สนองตอบด้วยการส่งมอบ Phantom IV คันแรกในเดือนกรกฎาคม ค.ศ. 1950  โดยยนตรกรรมคันนี้ยังคงถูกใช้งาน (แม้ว่าจะลดการใช้งานบ้างแล้ว) ที่พิพิธภัณฑ์ราชรถ (The Royal Mews) ภายใต้ชื่อรหัสก่อนการส่งมอบว่า Maharajah ถึงแม้ว่าความตั้งใจแต่แรกอยากให้เป็นยนตรกรรมเพียงหนึ่งเดียว แต่ได้มีการรังสรรค์ Phantom IV ทั้งหมด 18 คันโดย 17 คันได้รับคำสั่งผลิตขึ้นอย่างหรูหราสำหรับสมาชิกราชวงศ์และประมุขแห่งรัฐอื่น ส่วนอีกคันที่ค่อนข้างแปลกแยกออกไปคือถูกสร้างขึ้นให้เป็นรถกระบะสำหรับ Rolls-Royce ใช้ในการขนส่งและการทดสอบชิ้นส่วนประกอบยานยนต์บนท้องถนน

การปรับเปลี่ยนครั้งสุดท้าย

ในปีค.ศ. 1959 แบรนด์ได้เปิดตัว Phantom V ซึ่งติดตั้งเครื่องยนต์ V8 ที่ทันสมัยที่สุด ในปีค.ศ. 1967 ยนตรกรรมมีการเปลี่ยนแปลงทางเทคนิคเล็กน้อยซึ่งถือว่าเพียงพอแล้วสำหรับในนาทีสุดท้ายที่จะปรับการออกแบบใหม่ให้เป็น Phantom VI

ภายในปีค.ศ. 1968 ผู้ชำนาญด้านการผลิตตัวถังแบบสั่งทำพิเศษเพียงหนึ่งเดียวที่เหลืออยู่ในสหราชอาณาจักรคือ Mulliner Park Ward ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของโรลส์-รอยซ์  ยนตรกรรมที่งดงามเหล่านี้ถูกใช้งานตลอดช่วงกลางยุค 1980s จนกระทั่งการผลิตลดลงเหลือเพียงสองหรือสามคันต่อปี และในที่สุดก็ยุติการผลิตลงในปี ค.ศ. 1992

ทำวิสัยทัศน์ให้เป็นจริง

ทุกเจนเนอเรชั่นจนถึง Phantom VI นั้นใช้โครงรถแบบ Rolling Chassis เป็นพื้นฐาน ส่วนตัวถังรถถูกสร้างขึ้นตามความต้องการส่วนบุคคลของเจ้าของโดยบริษัทจำนวนหนึ่งที่มีชื่อเสียงและเป็นที่ยอมรับมากที่สุดในด้านการผลิตตัวถังแบบสั่งทำพิเศษในประเทศอังกฤษและยุโรป

ในขณะที่สิ่งนี้ถือเป็นเรื่องปกติในโลกยานยนต์หรู แต่ Phantom ก็โดดเด่นด้วยสมรรถนะอันยอดเยี่ยม ต้องขอบคุณความอัจฉริยะด้านวิศวกรรมของ Royce และความเป็นเลิศของส่วนประกอบและโครงสร้างแชสซีในการรองรับตัวถังคุณภาพดีที่สุด น้ำหนักเบา และมีความซับซ้อนในทุกขั้นตอนของการพัฒนา Phantom เจ้าของรถใช้ประโยชน์จากศักยภาพของยนตรกรรมได้อย่างเต็มที่ เพื่อสร้างสรรค์ยานยนต์ที่สง่างาม สะดุดตา และสุดขั้วที่สุดเท่าที่เคยมีมาเพื่อความงามบนท้องถนน และเนื่องจากแชสซีและตัวถังแยกจากกัน เจ้าของรายต่อมาจึงสามารถเปลี่ยนรูปลักษณ์ของรถให้เข้ากับรสนิยมและความต้องการของตนเองได้

Phantom จำนวนไม่น้อยที่ถูกแปรเปลี่ยนโฉมมากกว่าหนึ่งครั้งตลอดชั่วชีวิตที่ยืนยาวและบ่อยครั้งที่มักจะเป็นช่วงชีวิตของการเดินทางรอบโลกของยนตรกรรม ในบางกรณียนตรกรรมเหล่านี้เพียงแค่ทำสีใหม่ หรือในกรณีอื่น ๆ ที่รถยนต์ทั้งคันถูกรังสรรค์ขึ้นใหม่ตั้งแต่แชสซีขึ้นไปให้มีรูปแบบและบุคลิกลักษณะใหม่ทั้งหมด  และสำหรับความหลากหลายที่ไม่ธรรมดา ตัวอย่างยนตรกรรมทุกคันที่แสดงด้านล่างคือ Rolls-Royce ที่แท้จริงในแง่ของวิศวกรรม วัสดุ โครงสร้าง สมรรถนะ คุณภาพการขับขี่ และความสบาย และเหนือสิ่งอื่นใดคือการถูกรังสรรค์ขึ้นที่ตรงต่อความต้องการของเจ้าของทุกประการ

1930 Phantom II (62GY)

Phantom II ที่สง่างามคันนี้มาในตัวถังแบบ Dual Cowl Tourer ที่ผลิตโดย Hooper of London ตามคำร้องขอจากเจ้าของผู้เป็นพ่อค้าไม้ผู้มั่งคั่งจากรัฐเท็กซัสได้ระบุความต้องการด้านคุณลักษณะของทัวร์ริ่งเพิ่มเติม 50 รายการซึ่งรวมถึงขนาดถังน้ำมันที่ใหญ่ขึ้น ช่องระบายอากาศที่ฝากระโปรงหน้า และขนาดหม้อน้ำรถยนต์ที่สูงกว่ามาตรฐาน 2 นิ้ว รถยนต์คันนี้เดิมซื้อมาเพื่อการไปฮันนีมูนของเจ้าของรถ และได้ออกทัวร์ทวีปยุโรปจนถึงปีค.ศ. 1939 ผู้ครอบครองคนปัจจุบันได้ซื้อรถต่อมาในปีค.ศ. 1998 และได้รับรางวัลอันทรงเกียรติมากมายนับแต่นั้นมา รวมทั้ง Louis Vuitton Classic Parfums Givenchy Trophy pre-war tourers และ Most Sporting Tourer ในงาน Biarritz Concours

1933 Phantom II Continental (55MW)

ตัวถังแบบ ‘concealed-head boat body’ นี้เป็นความชำนาญด้านการผลิตตัวถังของ Park Ward มีคุณลักษณะหลักคือหลังคาแบบพับได้ขนาดกะทัดรัดซึ่งเมื่อเปิดจนสุดแล้วทั้งหมดจะถูกเก็บเข้าไปใต้ส่วนเก็บสัมภาระด้านท้ายรถ ทำให้งานตัวถังมีความโดดเด่นลื่นไหลไม่ขาดตอน เดิมทีเบาะที่นั่งบุด้วยหนังหมู

ที่มา: ‘Park Ward The Innovative Coachbuilder’ by Malcolm Tucker

1933 Phantom Ill (3BT103)

ตัวถังรถคูเป้สองประตูหายากคันนี้ได้รับการสร้างสรรค์โดย HJ Mulliner สำหรับ Apsley Cherry-Garrard หนึ่งในสมาชิกผู้รอดชีวิตจากการเดินทางสำรวจขั้วโลกใต้ครั้งสุดท้ายของ Captain Scott ในปีค.ศ. 1912 เดิมทีรถมาในสี Primrose Yellow ตกแต่งภายในด้วยหนังย้อม Vaulmol  ในช่วงปลายทศวรรษ 1940s มีการทำสีรถใหม่ให้เป็นสีดำ   Sir Ralph Richardson นักแสดงชายระดับตำนานเคยเป็นเจ้าของรถคันนี้ในระยะเวลาอันสั้น จากนั้นรถยนต์คันนี้ไปอยู่ที่เวลส์และในสหรัฐอเมริกาก่อนย้อนกลับไปสหราชอาณาจักรในช่วงปลายยุค 70 / ต้นยุค 80  รถยนต์ถูกจอดทิ้งไว้ในโรงนาจนถึงปีค.ศ. 2018 เมื่อเจ้าของคนปัจจุบันซื้อมันมาและตอนนี้ได้เพียรพยายามบูรณะโดยใช้ชิ้นส่วนประกอบของแท้จำนวนมาก รวมถึงชิ้นส่วนเครื่องยนต์ที่เป็นหมายเลขเดิม

ที่มา: Alpine Eagle Ltd.

1937 Phantom III (3BT85)

Hooper & Co ผู้ผลิตตัวถังแบบสั่งทำพิเศษในลอนดอนได้รังสรรค์ตัวถังรูปทรงต่าง ๆ มากมายให้กับรถยนต์ซาลูนแบบ 2 ตอนที่โดดเด่นนี้ ที่ดูปราดเปรียวแม้ในขณะหยุดนิ่งด้วยหลังคาลาดโค้งแบบใบมีดโกนและส่วนโค้งที่โฉบเฉี่ยว  ตกแต่งด้วยโครเมียมชุบในสไตล์อาร์ตเดคโคสะท้อนความแวววาวไปที่ตัวถังและส่วนบังโคลนช่วยเสริมความรู้สึกของพลังการขับเคลื่อนของยนตรกรรม

ที่มา: ‘The Spectre Arises’ by Steve Stuckey

1965 Phantom V (5VD63)

Phantom คันนี้แต่เดิมเป็นของ Wing Commander Patrick Barthropp  ในปีค.ศ. 1968 John Lennon ซื้อรถยนต์ต่อจาก Barthropp ซึ่งตรงกับการเปิดตัวอัลบั้ม White ของวง The Beatles  ในเดือนกันยายน ค.ศ. 1969 เขาขายรถให้กับ Allen Klein นักธุรกิจชาวอเมริกัน

รถยนต์คันนี้ปรากฏตัวในภาพยนตร์ที่ได้รับรางวัลออสการ์เรื่อง Georgy Girl (1966) ภาพยนตร์คลาสสิกเรื่อง Let It Be (1970) ที่นำแสดงโดย The Beatles  ภาพยนตร์เรื่อง Performance (1970) แสดงโดย Mick Jagger และมีความโดดเด่นอย่างมากในภาพยนตร์เรื่อง The Greek Tycoon (1978) ที่นำแสดงโดย Anthony Quinn

ในปีค.ศ. 2016 หลังจากการบูรณะครั้งใหญ่ Jody Klein หนึ่งในสมาชิก Rolls-Royce Enthusiasts’ Club มาอย่างยาวนานได้นำรถมาร่วมงาน Concurs d’Elegance ในมณฑลลิงคอล์นเชอร์ที่ซึ่งได้รับรางวัลที่หนึ่งสำหรับยานยนต์ประเภท ‘Best In Class’ ปัจจุบัน รถยนต์คันนี้อยู่ในสหราชอาณาจักร

ที่มา: Photographs courtesy of ABKCO © 2022  สงวนลิขสิทธิ์

1966 Phantom VI (5LVF65)

James Young ก่อตั้งขึ้นในปีค.ศ. 1863 มีชื่อเสียงในด้านการรังสรรค์ตัวถังรถที่หรูหราที่สุดเท่าที่เคยมีมาเพื่อประกอบเข้ากับแชสซีของรถยนต์ ทั้งนี้ การประสบความสำเร็จสูงสุดของพวกเขาอาจมาจากการออกแบบตัวถัง PV23 ซึ่งพัฒนาขึ้นโดยเฉพาะสำหรับแชสซีของ Rolls-Royce Phantom V โดยได้มีการผลิตตัวถังสไตล์นี้มากถึง 22 ชิ้นด้วยกัน

ตัวถังรุ่นนี้มักจะมาในสีดำแต่สำหรับแชสซีหมายเลข 5LVF65 เฉดสีงาช้างอ่อนช่วยเสริมความสง่างามแบบคลาสสิกในทุกส่วนโค้งและลายเส้นจากปลายปากกาของ A. F. McNeil นักออกแบบชื่อดัง

ภายในห้องโดยสารประกอบด้วยช่องเก็บสัมภาระด้านหลังที่กว้างขวางโอ่อ่า พร้อมงานตู้ไม้คุณภาพชั้นเลิศที่บริเวณด้านล่างของกระจกกั้นระหว่างห้องโดยสาร  ผ้าบุสีแชมเปญที่ห้องโดยสารด้านหลังถูกเลือกใช้เพื่อความสบายที่มากกว่าแทนการใช้หนังที่มีสีคล้ายกันและมีความยืดหยุ่นดีกว่าที่คนขับรถมักจะชอบ

ที่มา: P&A Wood

2015 Phantom VII (Serenity Phantom)

Rolls-Royce ได้สร้างสรรค์ Phantom VII Extended แบบสั่งทำพิเศษสุดอลังการเพื่อนำไปจัดแสดงในงาน 2015 Geneva Motor Show  ห้องโดยสารตอนหลังได้รับแรงบันดาลใจจากรถยนต์หรูที่ผลิตขึ้นเพื่อสมาชิกราชวงศ์อื่นในต่างประเทศในช่วงต้นทศวรรษ 1900 ตกแต่งด้วยผ้าไหมดิบทอมือสี Smoke Green ที่มีเอกลักษณ์พร้อมงานปักมือและวาดมือลวดลายดอกไม้สไตล์ Chinoiserie ซึ่งใช้เวลาถึง 600 ชั่วโมงในการรังสรรค์ให้เสร็จสมบูรณ์  งานออกแบบเดียวกันนี้ยังปรากฏอยู่ในส่วนแผงหน้ารถและลายไม้ประดับมุกตกแต่งบริเวณประตูด้านหลังที่ใช้ไม้เชอร์รี่และไม้ไผ่รมควันร่วมรังสรรค์ และรายละเอียดที่สะท้อนถึงก้อนกรวดที่โรยอยู่ในสวนญี่ปุ่นให้ความรู้สึกของบรรยากาศภายในห้องโดยสารที่เงียบสงบและเป็นธรรมชาติ  ในขณะเดียวกันสีภายนอกมาในสีขาว Mother of Pearl ซึ่งเป็นสีที่มีมิติซับซ้อนและมีราคาแพงที่สุดเท่าที่แบรนด์เคยผลิตมา

2021 Phantom VIII (Phantom Oribe)

การทำงานร่วมกันที่ไม่เหมือนครั้งไหนระหว่าง House of Rolls-Royce และ House of Hermès ร่วมกันรังสรรค์ Phantom สั่งผลิตพิเศษสำหรับ Yusaku Maezawa นักธุรกิจชาวญี่ปุ่นที่มีชื่อว่า Phantom Oribe ด้วยการตกแต่งภายนอกแบบสองโทนสีที่สั่งผลิตพิเศษที่ได้รับแรงบันดาลใจจาก Oribe เครื่องถ้วยชามเซรามิกโบราณของญี่ปุ่นที่ลูกค้าเป็นนักสะสมตัวยง  ด้วยการสร้างสรรค์ผลงานที่ไม่ธรรมดา สีของโรลส์-รอยซ์คันนี้ยังได้ถูกนำมาใช้กับเครื่องบินส่วนตัวของเขาเพื่อให้เข้ากันกับสีของยนตรกรรม Phantom

ภายในห้องโดยสารตกแต่งด้วยหนังของ Hermès สี Enea Green เป็นหลัก  บริเวณแกลเลอรีจัดแสดงงานศิลปะที่อ้างอิงจากการออกแบบโดยศิลปินและนักวาดภาพประกอบผู้โด่งดังชาวฝรั่งเศส Pierre Péron (ปีค.ศ. 1905-1988) ผู้สร้างสรรค์ผลงานลวดลายผ้าพันคออันเป็นเอกลักษณ์ของ Hermès มาแล้วมากมาย

การเกิดใหม่ของยนตรกรรมที่เป็นไอคอน

เมื่อเวลาเที่ยงคืนหนึ่งนาทีของวันที่ 1 มกราคม ค.ศ. 2003  Phantom VII คันแรกก็ถูกส่งมอบให้กับเจ้าของคนใหม่ ซึ่งเป็นยนตรกรรมคันแรกที่ผลิตขึ้นที่ Home of Rolls-Royce แห่งใหม่ที่กู้ดวูดในมณฑลเวสต์ ซัสเซกส ประเทศอังกฤษ  การตีความใหม่โดยละเอียดของเส้นสายและสัดส่วนอันเป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์เหมือนกับที่เดิม Sir Henry Royce เป็นผู้กำหนดไว้ให้ยนตรกรรมโรลส์-รอยซ์ทั้งคันถูกสร้างสรรค์ขึ้นภายในบริษัท โดยมีตัวถังแบบโมโนค็อกเพื่อการออกแบบที่เป็นมาตรฐานแทนที่จะเป็นตัวถังแบบสั่งผลิตพิเศษ  อย่างไรก็ตาม มีอีกหนึ่งนัยยะสำคัญที่ยานยนต์ยังคงมีความเชื่อมโยงกับมรดกที่สืบทอดกันมา โดยรถยนต์ทุกคันถูกสร้างขึ้นด้วยมือโดยทีมช่างหัตถศิลป์ผู้มีทักษะความชำนาญ  นอกจากนี้ บริการบีสโป๊กของแบรนด์ทำให้ Phantom เป็นประหนึ่งผืนผ้าใบที่ว่างเปล่าที่ซึ่งลูกค้าสามารถตระหนักถึงวิสัยทัศน์และความปรารถนาของตนเอง

ตลอดอายุขัย 13 ปีของ Phantom VII ยนตรกรรมได้ตอกย้ำ Rolls-Royce ในฐานะผู้ผลิตยานยนต์ระดับซูเปอร์ลักชัวรีชั้นนำของโลก และในตำแหน่งสุดยอดยนตรกรรมของแบรนด์ แต่เช่นเดียวกับยานยนต์รุ่นก่อนทีมนักออกแบบและวิศวกรของ Rolls-Royce เข้าใจดีว่าความสมบูรณ์แบบเป็นเป้าหมายที่เคลื่อนที่ไปข้างหน้าตลอดเวลาจึงทำให้การพัฒนา Phantom นั้นไม่มีที่สิ้นสุด

ในปีค.ศ. 2016 โรลส์-รอยซ์นำเสนอ Phantom VIII ที่เป็นโรลส์-รอยซ์คันแรกที่รังสรรค์ขึ้นบนสถาปัตยกรรมแห่งความหรูหรา (Architecture of Luxury) ซึ่งเป็นโครงสร้างสเปซเฟรมอลูมิเนียมทั้งหมดที่ออกแบบมาเพื่อรองรับยานยนต์ในอนาคตทุกคันที่ผลิตที่กู้ดวูด

Phantom VIII ได้รับการออกแบบมาโดยเฉพาะเพื่อเป็นแพลตฟอร์มขั้นสุดสำหรับการสั่งผลิตแบบบีสโป๊ก ส่งผลให้เกิดโปรเจ็คที่มีความทะเยอทะยานและท้าทายทางเทคนิคที่สุดเท่าที่เคยมีมาโดยทีมนักออกแบบ วิศวกร และช่างฝีมือผู้เชี่ยวชาญของแบรนด์  นอกจากนี้ ยังเป็นยานยนต์รุ่นเดียวของโรลส์-รอยซ์ที่มี ‘The Gallery’ แผ่นกระจกชิ้นเดียวที่พาดผ่านเต็มแนวกว้างของส่วนแผงหน้ารถ ซึ่งลูกค้าสามารถจัดแสดงผลงานศิลปะหรืองานออกแบบที่ได้รับคำสั่งผลิตพิเศษภายใต้แผ่นกระจกนั้น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *