ที่ผู้นำระดับโลกให้การยกย่อง
ตลอดช่วงเวลาหลายปีที่ผ่านมานี้ กลยุทธ์การทำธุรกิจคาร์บอนต่ำ (Low-Carbon Strategy) เพื่อบรรลุเป้าหมายสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) ได้กลายเป็นสิ่งที่ทั่วโลกหันมาให้ความสนใจ และพร้อมกันเดินหน้าปฏิบัติอย่างจริงจัง เพื่อตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงทางภูมิอากาศ (Climate Change) ปัจจุบันกว่า 150 ประเทศได้ตั้งเป้าหมายสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอนแล้ว ซึ่งในหลายประเทศและเขตการปกครองเหล่านี้ ยังนำเสนอเป้าหมายด้านการเปลี่ยนสู่รถยนต์พลังงานไฟฟ้าอย่างเป็นรูปธรรม ส่งผลให้อุตสาหกรรมรถยนต์ไฟฟ้ากลายเป็นอุตสาหกรรมที่ทั่วโลกหันมาให้ความสนใจอย่างจริงจัง ทั้งนี้ แบรนด์ OMODA (โอโมด้า) เป็นแบรนด์รถยนต์ที่ถือกำเนิดขึ้นมาพร้อมกับวิสัยทัศน์ในการมุ่งเป็นผู้นำในตลาดรถครอสโอเวอร์ SUV ระดับโลก มุ่งมั่นยกระดับแบรนด์ผ่านการพัฒนาในมิติต่าง ๆ ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและความยั่งยืนในภูมิภาคต่างๆ โดยในปี 2023 รถยนต์ OMODA ได้รับการยอมรับสู่การเป็นแบรนด์ระดับโลกที่ก้าวหน้าอย่างต่อเนื่อง ผ่านความโดดเด่นในเทคโนโลยีพลังงานสะอาดของ OMODA E5 ที่ได้รับการยอมรับและเสียงชื่นชมจากผู้นำประเทศต่าง ๆ อาทิ อินโดนีเซีย มาเลเซีย และตุรกี
ในเดือนเมษายน ปี 2023 OMODA แบรนด์ภายใต้บริษัทรถยนต์ยักษ์ใหญ่สัญชาติจีนอย่าง “Chery Automobile” ได้จัดงานเปิดตัวโมเดลรถยนต์พลังงานใหม่รุ่นแรกอย่างเป็นทางการ “OMODA E5” โดยมีตัวแทนจำหน่าย สื่อมวลชน และพันธมิตรราว 400 ราย จาก 67 ประเทศ ร่วมเป็นสักขีพยาน พร้อมนำเสนอเทคโนโลยีนวัตกรรมและข้อมูลด้านพลังงานไฟฟ้าเชิงลึก ที่จะเสริมความแข็งแกร่งให้กับระบบนิเวศ โดยตัวอักษรขึ้นต้น “O” ของแบรนด์ สื่อให้เห็นถึงวิสัยทัศน์อันยิ่งใหญ่ของยานยนต์สีเขียว ที่หมายถึง “ศูนย์” หรือการปล่อยคาร์บอนให้เป็นศูนย์นั่นเอง ซึ่งวิสัยทัศน์ดังกล่าวนี้ช่วยให้รถยนต์ OMODA เป็นที่ยอมรับอย่างกว้างขวางไปทั่วโลก และทำให้ขยายธุรกิจได้อย่างก้าวกระโดด
ขณะเดียวกันในฝั่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รถยนต์ OMODA ถือเป็นหนึ่งในยุทธศาสตร์ของโครงการริเริ่มด้านพลังงานใหม่ในท้องถิ่น ซึ่งได้รับการตอบรับและการสนับสนุนอย่างมากจากรัฐบาลหลายประเทศ โดยในพฤศจิกายนที่ผ่านมา นาย Airlangga Hartarto รัฐมนตรีกิจการทางเศรษฐกิจของอินโดนีเซีย (Coordinating Minister for Economic Affairs) และ นาย Shan Xiangqian รองผู้ว่าการมณฑลอานฮุย ประเทศจีน (The Vice Governor of Anhui Province) ได้ร่วมเป็นสักขีพยานในการเปิดตัว OMODA E5 และต่างชื่นชมเทคโนโลยีพลังงานดังกล่าว ต่อมาในเดือนธันวาคม รถยนต์ต้นแบบพลังงานใหม่ของ OMODA E5 ถูกนำเสนอต่อกระทรวงการค้าระหว่างประเทศและการอุตสาหกรรม ประเทศมาเลเซีย โดย นาย Tengku Zafrul Abdul Aziz รัฐมนตรีกระทรวงการค้าระหว่างประเทศและการอุตสาหกรรมของมาเลเซีย (Minister of International Trade and Industry) ยกย่องความสำเร็จอันน่าทึ่งของรถยนต์ OMODA ในมาเลเซีย ที่ได้สร้างคุณูปการสำคัญในด้านพลังงานสะอาด และกลายเป็นจุดเด่นใหม่ในกลยุทธ์การขยายธุรกิจไปทั่วโลกของรถยนต์ OMODA
สำหรับสหภาพยุโรป (European Union: EU) ที่มีประเทศสมาชิก 27 ประเทศ และประเทศอื่น ๆ ที่มีนโยบายสนับสนุนการพัฒนาและใช้รถยนต์พลังงานสะอาดคล้ายยุโรปนั้น ถือเป็นตลาดรถยนต์พลังงานใหม่ที่สำคัญของโลก รถยนต์ OMODA จึงได้ใช้โอกาสนี้ปักหมุดตำแหน่งของแบรนด์ในตลาดรถยนต์พลังงานใหม่ในท้องถิ่นนั้น โดยในธันวาคมที่ผ่านมา ระหว่างการเยือนสำนักงานใหญ่ระดับโลกของรถยนต์ OMODA นาย Mehmet Fatih KACIR รัฐมนตรีกระทรวงอุตสาหกรรมและเทคโนโลยีของตุรกี (Minister of Industry and Technology) ได้ทดลองขับ OMODA E5 เป็นการส่วนตัว และยกย่องเทคโนโลยีพลังงานใหม่ขั้นสูงของรถยนต์ OMODA รวมถึงการออกแบบที่มีสไตล์และล้ำสมัยของรถยนต์อีกด้วย
ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา รถยนต์ OMODA ให้ความสำคัญกับการพัฒนาที่ยั่งยืน ซึ่งสอดคล้องกับยุทธศาสตร์การพัฒนาของประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก การได้พบกับผู้มีอำนาจรัฐระดับสูงในประเทศต่าง ๆ ทำให้เกิดการแลกเปลี่ยนข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับแผนการพัฒนาของตลาดรถยนต์พลังงานใหม่ในภูมิภาคนั้น อีกทั้งยังแสดงให้เห็นถึงความพร้อมในการแข่งขันระดับโลกของ OMODA และแนวทางการพัฒนาตลาดต่างประเทศอันทรงพลังเพื่อให้เหมาะสมกับแต่ละท้องถิ่นต่อไป
จุดเริ่มต้นภารกิจด้านความยั่งยืน กับการสร้างแบรนด์พลังงานใหม่ระดับโลก
หากวิเคราะห์กุญแจสำคัญในการสร้างความสำเร็จในการสร้างแบรนด์รถยนต์เชื้อเพลิงของแบรนด์ต่าง ๆ ทั่วโลกนั้น คือการสร้างผลิตภัณฑ์ที่แตกต่างและแข่งขันได้ ซึ่งหลักการนี้ยังคงเป็นรากฐานที่สำคัญในการแข่งขันทางการตลาดของรถยนต์พลังงานไฟฟ้าด้วยเช่นกัน
OMODA ไม่เพียงแค่มุ่งมั่นที่จะส่งมอบยานพาหนะที่ใช้พลังงานสะอาดและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมแก่ผู้ใช้ทั่วโลกผ่านเทคโนโลยีที่ล้ำสมัยเท่านั้น แต่ยังมุ่งสร้างโลกแห่งอนาคตที่ดีขึ้นอีกด้วย ไม่เพียงเท่านี้ OMODA ยังคงไม่หยุดนิ่งกับการวิจัยและพัฒนาแบรนด์อย่างต่อเนื่อง ทำให้รถยนต์ OMODA ยังคงความแข็งแกร่งของคุณลักษณะที่เป็นหัวใจในผลิตภัณฑ์ นั่นก็คือ ระบบ Tri-electric System สุนทรียะทางดีไซน์ และความอัจฉริยะของระบบต่าง ๆ อยู่เสมอ
รถยนต์ OMODA E5 รุ่นใหม่ มาพร้อมกับแบตเตอรี่ลิเธียมที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งสามารถขับได้ในระยะทางสูงสุด 430 กิโลเมตร รถยนต์รุ่นนี้สามารถชาร์จได้อย่างรวดเร็วจาก 30% เป็น 80% ในเวลาเพียง 28 นาที ด้วยระบบชาร์จความเร็วสูง นอกจากนี้ รถยนต์ OMODA E5 ยังมีการออกแบบที่โดดเด่นในคอนเซ็ปต์ใหม่ “Light of Movement” ด้วยการผสมผสานระหว่างแสงและเงาที่มีไดนามิก ผ่านการนำเสนอสุนทรียภาพแห่งเทรนด์ที่ก้าวข้ามสู่โลกเสมือนจริง และสะกดจินตนาการของผู้พบเห็น ดึงดูดคนรุ่นใหม่ทั่วโลกโดยเฉพาะ ภายในรถยนต์ OMODA E5 มาพร้อมกับจอคู่ขนาด 24.6 นิ้ว ระบบแสงโดยรอบ 256 สี สวยงามล้ำสมัย และการออกแบบเกียร์ที่เรียบง่าย คู่กับฟังก์ชัน ADAS ระดับสูง 17 รายการ รวมถึงการตรวจสอบจุดบอด การเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติ และการตรวจจับความเมื่อยล้าของผู้ขับ ทำให้มอบประสบการณ์การขับขี่ที่ล้ำสมัยและชาญฉลาดแห่งยุค
ในขณะเดียวกัน รถยนต์ OMODA ยังคงรักษาเป้าหมายการสร้างสิ่งแวดล้อมสีเขียวทั่วโลกอย่างจริงจัง ผ่านโครงการเพื่อสังคมต่าง ๆ อาทิ ในเดือนตุลาคมที่ผ่านมา OMODA ได้ร่วมมือกับผู้ใช้งานจากกว่า 30 ประเทศและภูมิภาคเพื่อเปิดตัว “Ecological Ride” ในการประชุม “2023 International User Eco-Cooperation Conference” เพื่อรณรงค์ไลฟ์สไตล์คาร์บอนต่ำ และในวันที่ 7 มกราคมที่ผ่านมา OMODA ได้ร่วมกิจกรรม “Run for Sustainability” ภายใต้แนวคิด “A New Journey to a New Green Life” ที่ประเทศมาเลเซีย ซึ่งมีผู้เข้าร่วมมากกว่า 3,000 คน นอกจากนี้ OMODA ยังได้ลงนามบันทึกความเข้าใจเชิงกลยุทธ์กับองค์การระหว่างประเทศเพื่อการอนุรักษ์ธรรมชาติ (International Union for Conservation of Nature หรือ IUCN) โดยมีเป้าหมายเพื่อเชื่อมประสานการใช้ทรัพยากรอย่างรู้คุณค่าและเกิดประโยชน์สูงสุด ที่จะมีส่วนสำคัญช่วยให้เกิดการพัฒนาโลกอย่างยั่งยืน
ในอุตสาหกรรมยานยนต์ พลังงานใหม่ถูกมองว่าเป็นโอกาสสำคัญที่จะสามารถปั้นแบรนด์เกิดใหม่ให้เติบโตแบบก้าวกระโดด แต่อย่างไรก็ตาม การพัฒนารถยนต์พลังงานใหม่นี้ไม่ใช่ทุกแบรนด์จะคว้าโอกาสดังกล่าวนั้นไว้ได้ มีเพียงแบรนด์ที่มีกลยุทธ์การพัฒนาอย่างชัดเจนเท่านั้นที่สามารถใช้ประโยชน์จากโอกาสนี้สร้างความแข็งแกร่งให้กับแบรนด์ได้ ซึ่ง OMODA เป็นหนึ่งในนั้น ด้วยช่วงเวลาการเปลี่ยนผ่านที่สำคัญของการเปลี่ยนแปลงในอุตสาหกรรมรถยนต์เชื้อเพลิงฟอสซิลไปสู่การใช้พลังงานไฟฟ้า OMODA จึงใช้โอกาสนี้พัฒนาเทคโนโลยีที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมรองรับความต้องการของตลาดทั่วโลก ด้วยศักยภาพดังกล่าวทำให้ OMODA พร้อมที่จะเป็นผู้นำยนตรกรรมแห่งอนาคตที่ยั่งยืนต่อไป