ฮอนด้า เชิญสื่อมวลชนมุ่งหน้าสู่ จ.สระบุรี ร่วมทดสอบ “ฮอนด้า บีอาร์-วี ใหม่”

ฮอนด้า เชิญสื่อมวลชนมุ่งหน้าสู่ จ.สระบุรี ร่วมทดสอบ “ฮอนด้า บีอาร์-วี ใหม่”

สัมผัสสมรรถนะที่เหนือกว่ารถยนต์ในระดับเดียวกัน มาพร้อมจุดเด่นดีไซน์สปอร์ตแข็งแกร่งสไตล์เอสยูวี และความอเนกประสงค์กว้างขวางสไตล์เอ็มพีวี อีกทั้งเทคโนโลยีความปลอดภัยอัจฉริยะ ฮอนด้า เซนส์ซิ่ง ในทุกรุ่นย่อย

บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด เชิญสื่อมวลชนเดินทางจากกรุงเทพฯ สู่ จ.สระบุรี รวมระยะทางไป-กลับกว่า 280 กิโลเมตร เพื่อร่วมทดสอบสมรรถนะ “ฮอนด้า บีอาร์-วี ใหม่” เจเนอเรชันที่ 2 รถยนต์อเนกประสงค์ 7 ที่นั่ง ที่พร้อมตอบสนองความต้องการที่หลากหลายด้วยดีไซน์สปอร์ตพรีเมียมผสานความแกร่งและความอเนกประสงค์สไตล์เอสยูวีไว้อย่างลงตัวในทุกมิติ ขับเคลื่อนอย่างทรงพลังและเหนือกว่ารถยนต์ในระดับเดียวกันด้วยเครื่องยนต์ขนาด 1.5 ลิตร DOHC i-VTEC ให้กำลังสูงสุด 121 แรงม้า และระบบเกียร์ CVT สู่อีกขั้นแห่งการเดินทางด้วยสมรรถนะที่ได้รับการยกระดับในทุกด้าน ทั้งสมดุลในการขับขี่ ระบบช่วงล่างและการควบคุม มั่นใจในทุกการเดินทางด้วยเทคโนโลยีความปลอดภัยอัจฉริยะ ฮอนด้า เซนส์ซิ่ง (Honda SENSING) ในทุกรุ่นย่อย ภายในห้องโดยสารกว้างขวาง สะดวกสบาย เบาะนั่งผู้โดยสารแถวที่ 2 และแถว 3 สามารถปรับพับได้หลายรูปแบบ พร้อมด้วยเทคโนโลยีเพื่อความสะดวกสบายและเทคโนโลยีความปลอดภัยอันล้ำสมัย* อาทิ มาตรวัดพร้อมหน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่แบบ TFT ขนาด 4.2 นิ้ว ระบบเครื่องเสียงหน้าจอสัมผัสขนาด 7 นิ้ว แบบ Advanced Touch รองรับ Apple CarPlay และ Android Auto พร้อมรองรับการเชื่อมต่อ Smartphone และรองรับระบบสั่งการด้วยเสียง Siri และ Android Auto ระบบสตาร์ทเครื่องยนต์พร้อมเครื่องปรับอากาศด้วยกุญแจรีโมท (Remote Engine Start) ระบบแสดงภาพมุมอับสายตาขณะเปลี่ยนเลน (Honda LaneWatch) ระบบล็อกรถอัตโนมัติเมื่อกุญแจรีโมทอยู่ห่างจากตัวรถ (Walk Away Auto Lock) โดยรุ่น E ราคาเริ่มต้น 915,000 บาท และรุ่น EL ราคาเริ่มต้น 973,000 บาท

ในระหว่างการทดสอบ สื่อมวลชนจะได้สัมผัสสมรรถนะที่เหนือกว่ารถยนต์ในระดับเดียวกัน ด้วยเครื่องยนต์ขนาด 1.5 ลิตร DOHC i-VTEC 4 สูบ 16 วาล์ว ผสานกับระบบเกียร์ CVT ที่ได้รับการพัฒนาเพื่อมอบสมรรถนะที่ดีเยี่ยม ให้กำลังสูงสุด 121 แรงม้า ที่ 6,600 รอบต่อนาทีและแรงบิดสูงสุดที่ 145 นิวตัน-เมตรที่ 4,300 รอบต่อนาที ตอบสนองการขับขี่ได้อย่างคล่องตัว ทรงพลัง พร้อมลุยสู่ทุกจุดหมายได้ดั่งใจ อีกทั้งมอบอัตราการประหยัดน้ำมัน 16.1 กม./ลิตร รองรับพลังงานทางเลือก E20 รวมทั้งได้ทดสอบการใช้งานและความแม่นยำของ เทคโนโลยีความปลอดภัยอัจฉริยะ ฮอนด้า เซนส์ซิ่ง (Honda SENSING) ที่มีในทุกรุ่นย่อย ซึ่งทำงานผ่านกล้องมุมมองกว้างด้านหน้า ช่วยตรวจจับรถยนต์และคนเดินถนนได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยมีฟังก์ชันการทำงานหลัก ๆ ดังนี้

  • ระบบเตือนการชนพร้อมระบบช่วยเบรก (Collision Mitigation Braking System: CMBS)
  • ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในช่องทางเดินรถ (Lane Keeping Assist System: LKAS)
  • ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน (Adaptive Cruise Control: ACC)
  • ระบบเตือนและช่วยควบคุมเมื่อรถออกนอกช่องทางเดินรถ (Road Departure Mitigation System with Lane Departure Warning: RDM with LDW)
  • ระบบปรับไฟสูงอัตโนมัติ (Auto High-Beam: AHB)
  • ระบบเตือนเมื่อรถคันหน้าเคลื่อนที่ (Lead Car Departure Notification System: LCDN)

พร้อมด้วยเทคโนโลยีเพื่อความปลอดภัยอื่นๆ* อาทิ ระบบแสดงภาพมุมอับสายตาขณะเปลี่ยนเลน (Honda LaneWatch) ระบบล็อกรถอัตโนมัติเมื่อกุญแจรีโมทอยู่ห่างจากตัวรถ (Walk Away Auto Lock) ไฟเตือนเบาะนั่งด้านหลัง (Rear Seat Reminder) ระบบล็อกรถอัตโนมัติเมื่อกุญแจรีโมทอยู่ห่างจากตัวรถ (Walk Away Auto Lock) ถุงลม 6 ตำแหน่ง เป็นต้น

โดดเด่นด้วยดีไซน์ภายนอกที่สะท้อนความสปอร์ตพรีเมียม ผสานความแข็งแกร่ง ลงตัวในทุกมิติ มาพร้อมกระจังหน้าดีไซน์ใหม่สี Piano Black (รุ่น EL) กันชนหน้าและหลังดีไซน์ใหม่ ตกแต่งสีเงิน (รุ่น EL) ไฟหน้าและไฟส่องสว่างสำหรับการขับขี่ในเวลากลางวันแบบ LED และไฟท้ายแบบ LED ไฟตัดหมอกคู่หน้าแบบ LED (รุ่น EL) คิ้วตกแต่งสเกิร์ตข้างสีเงิน (รุ่น EL) ราวหลังคาตกแต่งแบบสปอร์ต เสาอากาศแบบครีบฉลาม พร้อมด้วยล้ออัลลอยดีไซน์ใหม่ ขนาด 17 นิ้ว (รุ่น EL) และขนาด 16 นิ้ว (รุ่น E)

ภายในห้องโดยสารกว้างขวาง มอบความสะดวกสบายในทุกที่นั่ง ผสานความอเนกประสงค์ของพื้นที่ภายในห้องโดยสารไว้อย่างลงตัว ยกระดับความพรีเมียมด้วยวัสดุตกแต่งคอนโซลแบบ Piano Black พร้อมเบาะหนังแท้และวัสดุหนังสังเคราะห์ในทุกรุ่นย่อย ตอบรับทุกไลฟ์สไตล์ด้วยห้องเก็บสัมภาระท้ายที่มากขึ้นกว่าเจเนอเรชันก่อน พร้อมเบาะนั่งผู้โดยสารแถวที่ 2 และแถวที่ 3 ที่สามารถปรับพับเพื่อเพิ่มพื้นที่ใช้สอยอเนกประสงค์ได้หลากหลายรูปแบบ มาพร้อมเทคโนโลยีเพื่อความสะดวกสบายและฟังก์ชันการใช้งานที่เชื่อมต่อผู้ใช้งานกับรถให้เป็นหนึ่งเดียว อาทิ มาตรวัดพร้อมหน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่แบบ TFT ขนาด 4.2 นิ้ว ระบบเครื่องเสียงหน้าจอสัมผัสขนาด 7 นิ้ว แบบ Advanced Touch รองรับ Apple CarPlay และ Android Auto พร้อมรองรับการเชื่อมต่อ Smartphone และรองรับระบบสั่งการด้วยเสียง Siri และ Android Auto ระบบสตาร์ทเครื่องยนต์พร้อมเครื่องปรับอากาศด้วยกุญแจรีโมท (Remote Engine Start) ระบบปรับอากาศอัตโนมัติ และช่องปรับอากาศสำหรับผู้โดยสารด้านหลัง พวงมาลัยแบบมัลติฟังก์ชัน พร้อมปุ่มควบคุมระบบเครื่องเสียงและปุ่มรับ-วางสายโทรศัพท์ ช่องเชื่อมต่อ USB 2 ตำแหน่ง (รุ่น EL) เป็นต้น

ฮอนด้า บีอาร์-วี ใหม่ มีให้เลือกทั้งหมด 2 รุ่นย่อย ได้แก่ รุ่น EL ราคาเริ่มต้น 973,000 บาท และรุ่น E ราคาเริ่มต้น 915,000 บาท มาพร้อมข้อเสนอดอกเบี้ยพิเศษ 0.99% พร้อมรับฟรีบัตรน้ำมัน มูลค่า 5,000 บาท และฟรีค่าแรงในการเช็กระยะตามตารางการบำรุงรักษา 2 ปี 6 เดือน หรือ 50,000 กิโลเมตร (อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน) มูลค่า 2,915 บาท เมื่อจองและรับรถยนต์ตั้งแต่วันที่ 19 สิงหาคม 2565 – 30 กันยายน 2565

โดยมีสีภายนอกให้เลือกทั้งหมด 3 สี ได้แก่ สีขาวพรีเมียมซันไลท์ (มุก) (เฉพาะรุ่น EL) สีดำคริสตัล (มุก) (รุ่น EL และรุ่น E) และสีขาวทาฟเฟต้า (เฉพาะรุ่น E) โดยรุ่น EL สีภายในจะเป็นสีดำ และรุ่น E สีภายในจะเป็น
สีทูโทน (ดำ/มอคค่าเกรย์)

เสริมความพรีเมียมและประโยชน์ใช้สอยในสไตล์รถเอสยูวี ให้กับฮอนด้า บีอาร์-วี ใหม่ ไปอีกขั้น ด้วยชุดอุปกรณ์ตกแต่ง ที่มาพร้อมแนวคิด “Premium & Utility” โดยมีไอเท็มอุปกรณ์ตกแต่งให้เลือก อาทิ คิ้วตกแต่งฝากระโปรงท้าย ราคา 1,900 บาท คิ้วกันสาด ราคา 2,600 บาท คิ้วตกแต่งซุ้มล้อด้านหน้า ราคา 1,800 บาท คิ้วตกแต่งกระจกมองข้าง ราคา 800 บาท ปลอกท่อไอเสียสเตนเลส ราคา 580 บาท ม่านบังแดดผู้โดยสารตอนหลัง ราคา 2,500 บาท เป็นต้น หรือเลือกความคุ้มค่าในรูปแบบแพ็กเกจ โดยมีให้เลือกทั้งหมด 2 แพ็กเกจ ได้แก่

  • Utility Package ราคา 2,950 บาท ประกอบด้วย แผ่นกันรอยเบาะพนักพิงหลัง และกระบะใส่ของท้ายรถ
  • Value Package ราคา 1,050 บาท ประกอบด้วย ปลอกท่อไอเสียสเตนเลส และคิ้วบันไดสเตนเลส

สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้จากที่ปรึกษาการขายโชว์รูมฮอนด้าทั่วประเทศ หรือแชทกับที่ปรึกษาการขายทางออนไลน์ผ่านเว็บไซต์ www.honda.co.th หรือติดต่อศูนย์บริการข้อมูลฮอนด้า 24 ชั่วโมง โทร 0 2341 7777 หรืออ่านรายละเอียดผ่านเว็บไซต์ www.honda.co.th/brv โดยลูกค้าสามารถทดลองขับรถยนต์ฮอนด้ารุ่นที่สนใจกับแคมเปญ “Happy Day Happy Drive” โดยสามารถลงทะเบียนเพื่อร่วมกิจกรรมทดลองขับได้ตั้งแต่วันที่ 15 มิถุนายน 2565 – 30 กันยายน 2565 พร้อมรับของสมนาคุณ “You’re e:HEV Family Bottle ขวดน้ำ LocknLock” มูลค่า 249 บาท** ฟรี สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่โชว์รูมฮอนด้าทั่วประเทศ หรืออ่านข้อมูลทางเว็บไซต์ www.honda.co.th/testdrive

หมายเหตุ

– ราคาแตกต่างกันไปในแต่ละรุ่นย่อยและสีภายนอก

รุ่น

สีขาวทาฟเฟต้า

สีดำคริสตัล (มุก)

สีขาวพรีเมียมซันไลท์ (มุก)

EL

973,000 บาท

977,000 บาท

E

915,000 บาท

921,000 บาท

* รายละเอียดของข้อมูลจำเพาะทางเทคนิคและอุปกรณ์มาตรฐานแตกต่างกันในแต่ละรุ่น

– ราคาอุปกรณ์ตกแต่ง ไม่รวม VAT 7% ดูรายละเอียดอุปกรณ์ตกแต่งเพิ่มเติมได้ที่ https://hondaaccess.co.th/th/line-up/honda-brv/

-เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทฯ กำหนด สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมกับที่ปรึกษาการขายโชว์รูมฮอนด้าทั่วประเทศ

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *