กลยุทธ์การดำเนินงาน 2.0: IONITY เร่งขยายเครือข่ายสถานี fast-charging network

IONITY พร้อมแล้วสำหรับการเป็นเครือข่ายสถานีชาร์จพลังงาน high-performance ที่ใหญ่ที่สุดในทวีปยุโรป โดยสามารถรองรับระบบชาร์จของรถพลังงานไฟฟ้าจากผู้ผลิตรถยนต์แบรนด์หลักได้ทั่วโลก บริษัทร่วมทุนกำลังระดมงบประมาณเพื่อดำเนินงานตามแผนขยายเครือข่ายจุดบริการสถานีชาร์จ ให้สำเร็จภายในปี 2025 ซึ่งมีการคาดการณ์ว่าจะมีสถานีชาร์จจำนวนเพิ่มขึ้นมากกว่า 1,000 แห่ง จาก 400 แห่ง หมายความว่าในอนาคตจะเกิดสถานีชาร์จพลังงานประมาณ 7,000 แห่งหรือมากกว่า 4 เท่าตัวของสถานีชาร์จที่มีอยู่ในปัจจุบัน 1,500 แห่ง

เครือข่ายจุดบริการสถานีชาร์จของ IONITY ได้รับมาตรฐานตามระบบชาร์จพลังงานของทวีปยุโรป ไม่ว่าจะเป็น Combined Charging System (CCS) และระบบชาร์จพลังงานเทคโนโลยี 800 โวลต์  หมายความว่าเครือข่ายดังกล่าวจะสามารถรองรับการชาร์จพลังงานให้กับปอร์เช่ ไทคานน์ (Porsche Taycan) ได้ประสิทธิภาพสูงสุดถึง 270 กิโลวัตต์ ผ่านบริการ Porsche Charging Service ซึ่งผู้ขับขี่ ไทคานน์ (Taycan) จะยังคงได้รับสิทธิประโยชน์จากมาตรฐานเดียวกัน โดยมีค่าใช้จ่ายในราคาพิเศษ เมื่อใช้บริการ IONITY fast-charging stations ที่ปัจจุบันมีราคา 0.33 ยูโรต่อกิโลวัตต์ชั่วโมง

โอลิเวอร์ บลูมเม่ (Oliver Blume) ประธานกรรมการบริหารของ Porsche AG กล่าวว่า “เรากำลังเผชิญกับอัตราการเติบโตของยานพาหนะพลังงานไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด และสิ่งนี้เกี่ยวข้องกับโครงสร้างพื้นฐานด้านสถานีชาร์จพลังงาน high-performance อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ สำหรับปอร์เช่ เราคาดการณ์ว่าภายในปี 2025 รถยนต์ที่จำหน่ายทั่วโลก 50 เปอร์เซ็นต์ จะต้องเป็นรถยนต์ไฮบริดหรือรถพลังงานไฟฟ้า และภายในสิ้นทศวรรษนี้จะดำเนินการให้ได้มากกว่า 80 เปอร์เซ็นต์ การลงทุนใน IONITY คือการส่งข้อความสำคัญไปยังลูกค้า เพื่อบอกถึงการยกระดับความสะดวกสบายในการเดินทางด้วยยานพาหนะที่เป็นรถพลังงานไฟฟ้าของพวกเขาในปัจจุบันและอนาคตอันใกล้”

หมายเหตุ : หุ้นส่วนของ IONITY ประกอบไปด้วย BMW Group, Mercedes-Benz AG, Ford Motor Company, Hyundai Motors และ KIA, Volkswagen Group พร้อมด้วย Audi และ Porsche และบริษัทจัดการลงทุน Blackrock[1]

 

กลยุทธ์การดำเนินงาน IONITY Strategy 2.0: เครือข่ายที่ยิ่งใหญ่ ส่งมอบความสะดวกสบายอันยอดเยี่ยม

สถานีชาร์จพลังงานของ IONITY ไม่เพียงจะได้รับการก่อสร้างบนเส้นทางหลักในทวีปยุโรปเท่านั้น แต่ยังรวมถึงเมืองใหญ่ และแหล่งชุมชนในบริเวณใกล้เคียงอีกด้วย โดยในพื้นที่ดังกล่าวจะมีสถานีชาร์จอยู่ 6 ถึง 12 แห่ง และนอกจากนี้ในส่วนของสถานีชาร์จเดิมบนเส้นทางหลักที่มีความต้องการสูง จะได้รับการเพิ่มเติมสถานีชาร์จให้เพียงพอเช่นกัน

ในฐานะส่วนหนึ่งของแนวคิด Oasis flagship concept IONITY มีวัตถุประสงค์ในการยกระดับงานบริการ และความสะดวกสบาย ปอร์เช่มีความมุ่งมั่นและตั้งใจในการจัดหาที่ดินเพิ่มเติมสำหรับสร้าง charging parks เพื่อเป็นบริการเสริมและตั้งอยู่บริเวณศูนย์อาหารและร้านค้า

บริการ Porsche Charging Service พร้อมจุดชาร์จกว่า 200,000 จุด

บริการ Porsche Charging Service มอบเอกสิทธิ์ในการเข้าถึงสถานีชาร์จทุกแห่งทั่วโลก ผ่านผู้ให้บริการที่หลากหลาย รวมทั้ง IONITY ในปัจจุบัน เครือข่ายดังกล่าวเชื่อมต่อกับสถานีชาร์จภายในทวีปยุโรป ประมาณ 20 ประเทศ ทั้งหมด 200,000 แห่ง  ซึ่งจากสถานีชาร์จทั้งหมดจะมีสถานีชาร์จประมาณ 6,500 แห่ง ที่รองรับกำลังไฟฟ้ากระแสตรงมากกว่า 50 กิโลวัตต์ โดยปอร์เช่จะรับหน้าที่เป็นศูนย์กลางในการรวบรวมเอกสารค่าใช้จ่ายในการใช้บริการ และนอกเหนือจากเครือข่ายของ IONITY ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนแล้ว ปอร์เช่ยังมีแผนการก่อสร้างสถานี fast-charging network ของตนเอง ตลอดเส้นทางคมนาคมหลักในทวีปยุโรปอีกด้วย

ณ Porsche Destination Charging ลูกค้าสามารถชาร์จพลังงานให้แก่รถพลังงานไฟฟ้ารวมถึงรถยนต์ plug-in hybrid ของปอร์เช่โดยไม่มีค่าใช้จ่ายได้ในสถานที่ซึ่งเป็นจุดหมายยอดนิยม ความคืบหน้าของการดำเนินงานของ Porsche Destination Charging คือการติดตั้งสถานีชาร์จไฟฟ้ากระแสสลับเสร็จสิ้นไปแล้วมากกว่า 2,700 แห่ง ใน 70 ประเทศ โดยมีสถานที่ต่างๆ ที่ผ่านการคัดเลือก อันประกอบไปด้วย โรงแรม ภัตตาคาร ท่าอากาศยานศูนย์การค้า สปอร์ตคลับ และท่าเรือ โดยปอร์เช่อยู่ระหว่างกระบวนการเร่งพัฒนาขยายเครือข่ายเพิ่มเติมอย่างเต็มกำลัง

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *